ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าปรับลงกว่า 10 จุด หลุดแนวรับหลัก 1,320 จุด เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค กังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงดอกเบี้ยระดับสูงต่อไปหลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาแข็งแกร่ง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ(บอนด์ยีลด์) ดีดตัวขึ้น รวมถึงปัจจัยการเมืองยังกดดันตลาดมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 10.47 น. ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,319.77 จุด ลดลง 12.97 จุด (-0.97%)
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นร่วงไปกว่า 10 จุด ทำ New Low ในรอบกว่า 3 ปี ทิศทางวันนี้เป็นไปตามตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับลงถ้วนหน้า
ตลาดบ้านเรารับแรงกดดันทั้งจากภายนอกประเทศ คือ ตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐออกมาสูงกว่าคาดมาก และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงสูงกว่าคาดเช่นกัน ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลทิศทางดอกเบี้ย ล่าสุด ให้น้ำหนักต่ำกว่า 50% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ หนุนบอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้นกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศสัปดาห์นี้ยังมีความเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก รวมถึงยังมีความกังวลต่อการเทรดด้วยบัญชีมาร์จินหลังจากโบรกเกอร์รายหนึ่งประกาศยกเลิกการปล่อยมาร์จิน ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีมาร์จินค้างและต้องปิดสถานะ เป็นแรงกดดันต่อหุ้นทั้งใหญ่ กลาง และเล็ก เข้ามาซ้ำเติมในภาวะที่ตลาดอ่อนแออยู่แล้ว
ให้แนวรับไว้ที่ 1,300 จุด และแนวต้าน 1,330 จุด
ด้าน บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิจัยได้เข้าร่วมงาน Webinar: “MUFG: Previewing the June Federal Reserve Policy Meeting” โดยคุณ George Goncalves, MUFG Head of U.S. Macro Strategy มีประเด็นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้:
– Hawkish Dots, Dovish Talk : MUFG มองการประชุม FOMC สัปดาห์นี้ ประธานเฟดมีแนวโน้มให้ความเห็นในเชิง Dovish กล่าวคือจะไม่มีการกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการกลับไปขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่มีโอกาสที่จะได้เห็นรายงาน Dot Plot มีลักษณะ Hawkish ขึ้น จากรายงานเมื่อสิ้น Q1/67 สะท้อเฟดมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้ง ระดับ 75bps ในปีนี้ ลงเป็นโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งระดับ 50bps
– Scenarios for June FOMC Meeting: MUFG ประเมิน Scenarios ผลการประชุมออกเป็น 4 กรณี
1. Hawkish Hold (10%) : Dot Plot ปรับมุมมองการลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 2 ครั้งในปีนี้ และน้อยครั้งลงในปี 68-69 และมุมมองอัตราดอกเบี้ยระยะยาวถูกปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับการให้ความเห็นของประธานเฟดเน้นไปที่การสื่อสารถึง Higher for Longer มองว่าจะทำให้เกิดการ Sell-off ในสินทรัพย์ทุกประเภทและ USD แข็งค่า
2. Base-Case: Neutral Hold (50%) : กรณีฐาน มอง Dot Plot ปรับมุมมองการลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 2 ครั้งในปีนี้เช่นกัน และปรับลง 3 ครั้งในปี 68-69 และมุมมองดอกเบี้ยระยะยาวอยู่ที่ระดับ 2.75% โดยกรณีนี้เป็นมุมมองเดียวกับความคาดหวังตลาด คาดจะส่งผลกดดันตลาดช่วงสั้นเท่านั้น
3. Dovish Hold (30%) : มอง Dot Plot ปรับมุมมองการลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 2 ครั้งในปีนี้ และปรับลง 4 ครั้งในปี 68 มุมมองของประธานเฟด เน้นย้ำว่าเงินเฟ้อยังคงชะลอลง และมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยแม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเร่งขึ้น
4. Very Dovish Hold (10%) : Dot Plot สะท้อนการปรับบดดอกเบี้ย 3 ครั้งเท่ารายงานรอบก่อน มองอัตราการว่างงานสูงกว่า 4% โดยประธานเฟดพยายามสื่อสารถึงคุณภาพของข้อมูลตลาดแรงงานที่อาจจะไม่ได้สะท้อนสภาวะความเป็นจริง
MUFG ยังให้โอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของฟด 3 ครั้งในปีนี้ เชื่อว่าจะเริ่มลดครั้งแรกในการประชุมรอบ ก.ค. อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค. อาจทำให้โอกาสลดต่ำลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มิ.ย. 67)
Tags: SET, SET Index, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย