องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ลงนามในสัญญากับบริษัทซิโนแวคของจีนเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มเติมให้กับประเทศกำลังพัฒนาผ่านโครงการโคแวกซ์ (COVAX)
สัญญาจัดซื้อวัคซีนในครั้งนี้สร้างความหวังว่าประเทศกำลังพัฒนาจะสามารถเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น โดยนายมูนีร์ ซาฟิลด์อิน ผู้แทนยูนิเซฟประจำประเทศอูกันดาทวีตข้อความเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (27 ก.ค.) หลังยูนิเซฟประกาศบรรลุข้อตกลงดังกล่าวหนึ่งวัน
นายซาฟิลด์อินระบุว่า “นี่เป็นข่าวดีมากๆ ยิ่งมีวัคซีนที่ได้รับอนุมัติในโครงการโคแวกซ์มากเท่าไร ประชาชนในประเทศรายได้ปานกลางและรายได้น้อยก็ย่อมเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้มากเท่านั้น”
“จะไม่มีใครปลอดภัย จนกว่าทุกคนจะปลอดภัยกันหมด”
นายซาฟิลด์อิน ระบุ
ภายใต้สัญญาการจัดหาวัคซีนครั้งนี้ ในปี 2564 ยูนิเซฟจะมีวัคซีน 200 ล้านโดสที่สามารถส่งมอบให้กับประเทศและดินแดนต่างๆ ที่เข้าร่วมในโครงการโคแวกซ์ได้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ประเทศกำลังพัฒนายังต้องการวัคซีนอีกหลายร้อยล้านโดสเพื่อหยุดยั้งการระบาดของโควิด-19 ไม่ให้เพิ่มขึ้น
“เรายังคงเห็นความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีน ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วเดินหน้าฉีดวัคซีนให้ประชาชน แต่ประเทศกำลังพัฒนายังต้องดิ้นรนเพื่อหาวัคซีน” นางโรบินาห์ นับบันจา นายกรัฐมนตรีอูกันดากล่าวระหว่างการรับมอบเวชภัณฑ์จากฝรั่งเศสเมื่อวันอังคาร
นางนับบันจากล่าวเพิ่มเติมว่า “เราทุกคนรู้ดีว่าการฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่สร้างความมั่นใจได้มากที่สุดว่าจะสามารถลดการแพร่ระบาดได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงจากโควิด-19”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 64)
Tags: COVAX, COVID-19, Sinovac, UNICEF, ซิโนแวค, มูนีร์ ซาฟิลด์อิน, วัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, องค์การยูนิเซฟ, โควิด-19, โคแวกซ์, โรบินาห์ นับบันจา