ฝรั่งเศสและเยอรมนีระบุว่า ยูเครนควรได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธของฝรั่งเศสและเยอรมนีเพื่อโจมตีเป้าหมายภายในดินแดนของรัสเซีย
นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้กล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับนายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี โดยระบุว่า อาวุธที่ฝรั่งเศสได้จัดส่งไปยังยูเครน รวมถึงขีปนาวุธพิสัยไกลนั้น ได้รับอนุญาตให้ใช้เพื่อโจมตีฐานเป้าหมายต่าง ๆ ภายในประเทศรัสเซีย
นายมาครงกล่าวระหว่างเดินทางเยือนเยอรมนีว่า “ฐานทัพต่าง ๆ ในรัสเซียกำลังโจมตียูเครน แล้วเราจะอธิบายให้ชาวยูเครนฟังได้อย่างไรว่า เราจะต้องปกป้องเมืองเหล่านี้ และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบ ๆ เมืองคาร์คิฟในขณะนี้ แต่กลับห้ามไม่ให้โจมตีแหล่งที่มาของขีปนาวุธซึ่งอยู่ในรัสเซีย” และได้ย้ำว่า ยูเครนควรได้รับอนุญาตให้ตอบโต้กลับสถานที่ทางทหารในรัสเซียที่ทำการโจมตียูเครน แต่ไม่ควรอนุญาตให้โจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือนหรือเป้าหมายทางทหารอื่น ๆ ในรัสเซีย
ด้านนายโชลซ์เห็นด้วยกับนายมาครง โดยระบุว่า ยูเครนมีสิทธิที่จะปกป้องตัวเองตามกฎหมายระหว่างประเทศและเงื่อนไขที่กำหนดโดยประเทศจัดหาอาวุธ ซึ่งรวมถึงสหรัฐ และเขาได้กล่าวว่า “ผมขอพูดให้ชัดเจนว่า ยูเครนมีสิทธิทุกประการภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศสำหรับสิ่งที่กำลังทำอยู่ ผมว่ามันแปลกมากที่บางคนแย้งว่า ยูเครนไม่ควรได้รับอนุญาตให้ปกป้องตัวเองและดำเนินมาตรการที่เหมาะสม”
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า พันธมิตรชาติตะวันตกของยูเครนได้ยึดมั่นในนโยบายที่ว่า ยูเครนควรใช้อาวุธที่ได้รับบริจาคภายในดินแดนของยูเครนเท่านั้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ถกเถียงกัน เพราะบรรดาผู้นำชาติตะวันตกเกรงว่า หากยูเครนใช้อาวุธเหล่านี้โจมตีเป้าหมายภายในรัสเซีย ความรุนแรงอาจลุกลามและก่อให้เกิดสงครามในวงกว้างที่เกี่ยวข้องกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ขออนุญาตจากประเทศพันธมิตรหลายครั้งเพื่อใช้อาวุธที่ได้รับมาเพื่อโจมตีเป้าหมายภายในดินแดนของรัสเซีย
สหรัฐซึ่งเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ที่สุดให้แก่ยูเครน ได้สั่งห้ามไม่ให้ยูเครนใช้อาวุธของสหรัฐในการโจมตีเป้าหมายภายในดินแดนของรัสเซีย เนื่องจากกังวลว่าความขัดแย้งจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ค. 67)
Tags: ฝรั่งเศส, ยูเครน, รัสเซีย, เยอรมนี