นายชายชาย ชุติมา รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายการเงิน บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) กล่าวในการประชุม Public Presentation ว่า บริษัทยังคงได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการออกหนังสือค้ำประกันเพื่อประมูลงานตามปกติ โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.67 บริษัทสามารถดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาเงินกู้ โดยไม่ได้ผิดเงื่อนไขแต่อย่างใด
และตั้งแต่ต้นปี 67 บริษัทยังคงได้รับงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/67 มีงานที่เซ็นสัญญาแล้ว มูลค่า 318 ล้านบาท จากนั้นในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.67 เซ็นสัญญางานมูลค่า 61 ล้านบาท ส่วนงานที่เตรียมจะเซ็นสัญญามีมูลค่าประมาณ 197 ล้านบาท พร้อมกันนั้น ยังมีงานที่บริษัทเสนอราคาต่ำสุดในการประมูลอีกราว 20,000 ล้านบาท
ผู้บริหาร ITD ชี้แจงกรณีผู้สอบบัญชีไม่สามารถให้ข้อสรุปต่องบการเงินระหว่างกาล ไตรมาส 1/67 ว่า ผู้สอบบัญชีชี้ถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานต่อเนื่อง ปัจจัยในด้านสภาพคล่องของกลุ่มบริษัทซึ่งขึ้นอยู่กับการเรียกใช้สิทธิเรียกให้ชำระคืนหุ้นกู้ แสดงถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญหลายประการซึ่งอาจมีความสัมพันธ์และมีความเป็นไปได้ที่จะมีผลกระทบต่อข้อมูลทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และอาจเป็นเหตุให้เกิดข้อสงสัยอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง (going concern) ของกลุ่มบริษัทฯ
แม้ว่าผู้สอบบัญชีจะไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการของกลุ่มบริษัท แต่ไม่ได้มีสาเหตุจากการถูกจำกัดขอบเขตโดยผู้บริหาร หรือผิดมาตรฐานรายงานทางการเงิน แต่เกิดจากผลกระทบความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญตามสถานการณ์ที่ได้เกิดขึ้นกับบริษัทฯ
บริษัทชี้แจงประเด็นที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินไตรมาส 1/67 ดังนี้
1.โครงการทวาย ยังคงมีความไม่แน่นอนที่อาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโครงการฯ บริษัทชี้แจงว่า โครงการทวายระยะสมบูรณ์ (DSEZ Full Phase) สิทธิในการได้รับเงินชดเชยลงทุนในการพัฒนา DSEZ Full Phase ที่กลุ่มบริษัทฯได้ลงทุนไปก่อนหน้า บริษัทฯยังคงได้รับการคุ้มครองภายใต้สัญญา Tripartite Memorandum ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐบาลไทยและรัฐบาลเมียนมา โดยกลุ่มบริษัทจะได้รับเงินคืนจากผู้ลงทุนรายใหม่ในแต่ละส่วนของโครงการ
ทั้งนี้ โครงการทวายระยะเริ่มแรก (DSEZ Initial Phase) แม้ว่าคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (DSEZ MC) จะมีหนังสือแจ้งยกเลิกสิทธิสัมปทานในโครงการ DSEZ Initial Phase แก่กลุ่มบริษัทผู้รับสัมปทาน แต่กลุ่มบริษัทได้โต้แย้งและคัดค้านการยกเลิกสัญญาดังกล่าว DSEZ MC จึงขอเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันฉันท์มิตร โดย DSEZ MC ขอเป็นผู้ร่าง Settlement Proposal เพื่อให้กลุ่มบริษัทฯ พิจารณา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอร่างดังกล่าวจาก DSEZ MC
นอกจากนี้ กลุ่ม ITD ได้รายงานสถานะโครงการทวายแก่หน่วยราชการไทยที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ โดยวันที่ 4 ธ.ค.66 ได้ยื่นหนังสือถึงสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะเลขาธิการร่วมของคณะกรรมการร่วมระดับสูง (Joint High-Level Committee: JHC) และคณะกรรมการประสานงานร่วม (Joint Coordinating Committee: JCC) ระหว่างไทย-เมียนมา
อีกทั้งในวันที่ 30 ม.ค.67 ได้ยื่นหนังสือถึงรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ พร้อมทั้งเข้าพบเพื่อรายงานสถานะและความคืบหน้า รวมถึงเน้นย้ำความสำคัญของโครงการทวายว่าเป็นโครงการลงทุนของนักลงทุนไทยในต่างประเทศที่ได้รับความคุ้มครองการลงทุน (Protection of Investment) ตามกรอบความตกลงระหว่างประเทศและภูมิภาค และเป็นการตอบสนองต่อนโยบาย Proactive Economic Diplomacy ของรัฐบาลไทย นอกจากนี้ยังเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศในเชิง Geo-Economic และ Geo-Politic ของภูมิภาค
ITD ได้ลงทุนในโครงการทวายไปแล้ว 7,800 ล้านบาท โดยรัฐบาลเมียนมาได้เสนอให้กลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS) ที่มี 4 ชาติได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน เพราะเห็นว่ามี potential เข้ามาลงทุนแทนบริษัทฯ ซึ่งรัฐบาลรัสเซียก็ได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน บริษัทฯก็รอติดตามเรื่องนี้
2. โครงการก่อสร้างแห่งหนึ่งมีเงินค้างค่าก่อสร้าง 1,938.80 ล้านบาท และ 649.44 ล้านบาทตามลำดับ รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,588.24 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขว่าหากผู้ว่าจ้างสามารถบรรลุข้อตกลงกับภาครัฐได้ จึงจะสามารถชำระเงินให้แก่บริษัท โดยผู้ว่าจ้างยังคงอยู่ระหว่างการเจรจาขอแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนและรอหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to proceed) จากภาครัฐ ทำให้ผู้ว่าจ้างจำเป็นต้องขอขยายเวลาการชำระค่าก่อสร้างคงค้างออกไป โดยยินยอมจ่ายดอกเบี้ยที่เกิดจากเงินค้างจ่ายจนถึงปัจจุบันให้แก่บริษัท
3.โครงการ FDEE เป็นโครงการทางด่วนยกระดับ Dhaka Elevated Expressway ในประเทศบังคลาเทศ อยู่ในระหว่างการเจรจาปรับเงินค่าผ่านทางกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศบังคลาเทศ และอยู่ในระหว่างรอรายงานการศึกษาความหนาแน่นของจำนวนรถยนต์ที่จะใช้ทางพิเศษฉบับล่าสุด อาจทำให้ตัวเลขที่เคยประมาณการไว้เปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญ ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่ยังไม่สามารถสรุปได้ในปัจจุบัน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนของเงินลงทุนในบริษัทที่ควบคุมร่วมกันในข้อมูลทางการเงินรวมและงบเฉพาะบริษัทฯ
ณ วันที่ 31 มี.ค.67 เงินลงทุนในบริษัท First Dhaka Elevated Expressway Co.Ltd (FDEE) ซึ่งเป็นบริษัทที่ควบคุมร่วมในประเทศบังคลาเทศ ราคาทุน จำนวน 3,068.34 ล้านบาท
โครงการ FDEE ได้ทำการ Partial opening เมื่อเดือนก.ย.66 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้ทาง ขณะนี้บริษัทจะทำการเจรจาปรับค่าผ่านทาง ซึ่ง FDEE มีสิทธิตามสัญญาสัมปทาน ดังนั้น FDEE จึงได้ดำเนินการให้บริษัท Systra-MVA ทำการ revise traffic study ใหม่ โดยศึกษาความหนาแน่นของจำนวนรถยนต์ที่จะใช้ทางพิเศษดังกล่าว คาดว่าจะเสร็จภายในไตรมาส 3/67 ซึ่งจะมีผลกระทบต่อมูลค่าการลงทุน ทำให้ผู้ตรวจสอบไม่สามารถแสดงความเห็นต่องบการเงิน เนื่องจากข้อจำกัดของสถานการณ์
4. กิจการร่วมค้า อยู่ระหว่างการเจรจาเรียกร้องสิทธิเพื่อเรียกเก็บเงินผลงานก่อสร้างส่วนที่เหลือจากผู้ว่าจ้าง โดยผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ เหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่สามารถสรุปได้ในปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ต่อมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับจากรายได้ที่ยังไม่เรียกชำระในข้อมูลทางการเงินรวมระหว่างกาลได้
ณ วันที่ 31 มี.ค.67 งบการเงินรายได้รวม รายได้ในส่วนของบริษัทฯที่ได้รู้ในงบการเงินแล้วแต่ยังไม่เรียกชำระ จำนวน 66.08 ล้านบาท (150 ล้านรูปี) ของกิจการร่วมค้าในต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาเรียกร้องสิทธิเพื่อเรียกเก็บเงินค่าผลงานก่อสร้างส่วนที่เหลือจากผู้ว่าจ้าง
5.บริษัทถูกฟ้องร้องจากหลายบริษัทในคดีต่างๆ จากการผิดสัญญา การเรียกร้องค่าเสียหายและอื่นๆ โดยมีทุนทรัพย์สำหรับข้อมูลทางการเงินรวมและเฉพาะบริษัทฯ รวม 4,974.56 ล้านบาท และ 4,461.84 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลและผลของคดียังไม่สิ้นสุด ผู้บริหารของบริษัทพิจารณาไม่ตั้งสำรองหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่สามารถสรุปได้ในปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ปัจจุบัน ศาลปกครองกลางยังไม่ได้นำคดีนี้มาพิจารณา จึงยังคงต้องติดตามต่อไป โดยบริษัทได้ชี้แจงไปแล้วว่าบริษัทคาดว่าจะชนะคดี
นายชาติชาย กล่าวว่า ยังมีรายการที่ผู้สอบบัญชีไม่สามารถให้ข้อสรุปต่องบการเงินอีก ได้แก่ ข้อมูลทางการเงินของกิจการร่วมค้า CMC/ITD/SONG DA Joint Venture ที่ยังไม่ได้สอบทานงบฐานะการเงินรวม ณ วันที่ 31 มี.ค.67 ได้รวมเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าแห่งหนึ่งตามวิธีส่วนได้เสียซึ่งคำนวณจากข้อมูลทางการเงินของกิจการร่วมค้า ณ วันที่ 30 ก.ย.62 ที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีของกิจการร่วมค้าแล้ว
ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของกิจการร่วมค้าไม่สามารถจัดทำข้อมูลทางการเงินให้เป็นปัจจุบันได้ ทำให้ผู้สอบบัญชีไม่สามารถระบุได้ว่ามีรายการปรับปรุงที่จำเป็นตามส่วนแบ่งของบริษัทในสินทรัพย์ของกิจการร่วมค้าที่ถูกควบคุมร่วมกันอย่างไร แต่ในระหว่างปี 66 กิจการร่วมค้าได้ข้อสรุปในเรื่องเงินชดเชยจากผู้ว่าจ้างที่จะต้องจ่ายชำระเป็นจำนวนเงิน 75 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าดังกล่าวจำนวน 9 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.67 บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรดังกล่าวเป็นยอดสะสม จำนวน 6 ล้านเหรียญสหรัฐ และบริษัทไม่มีภาระหนี้ต่อกิจการร่วมค้า
ปัจจุบัน กิจการร่วมค้าได้ว่าจ้างผู้สอบบัญชีและอยู่ระหว่างการจัดทำงบการเงินซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 67
นอกจากนี้ รายงานการสอบทานบัญชีได้ให้ข้อสรุปอย่างมีเงื่อนไขของผู้สอบบัญชี บริษัทย่อย คือ ITD Bangladesh Company Limited ที่มีสาระสำคัญที่จดทะเบียนและดำเนินธุรกิจในประเทศบังคลาเทศ โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.67 แสดงยอดสินทรัพย์ จำนวน 2,790.51 ล้านบาท รายได้รวมและกำไรสุทธิงวด 3 เดือน (31 มี.ค.67) จำนวน 27.27 ล้านบาท และ 1.30 ล้านบาท ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ค. 67)
Tags: ITD, ชายชาย ชุติมา, หุ้นไทย, อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์