แนวโน้มหุ้นไทยเช้าแกว่งไซด์เวย์รับแรงกดดันโควิดระบาดหนักหวั่นกระทบกำไรบจ.

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ แม้เฟดยังไม่ส่งสัญญาณชะลอ QE ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าส่งผลดีต่อ Emerging Market โดยตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก แต่ตลาดบ้านเราเจอแรงกดดันสถานการณ์โควิดยังรุนแรงจำนวนผู้ติดเชื้อนิวไฮอีกครั้งทะลุ 17,000 ราย เล็งมาตรการล็อกดาวน์ยืดเยื้อหวั่นกระทบกำไรบริษัทจดทะเบียนครึ่งปีหลัง พร้อมให้แนวรับ 1,530-1,520 แนวต้าน 1,550-1,555 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังไม่ส่งสัญญาณลดการทำ QE ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง จึงงผลดีต่อ Emerging Market โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกราว 0.3-0.5%

แต่ตลาดบ้านเราได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดทะลุ 17,000 ราย ทำให้คาดว่ามาตรการล็อกดาวน์อาจจะต้องยืดออกไปอีก และกระทบกับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีหลัง

อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามตัวเลขเบื้องต้นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของสหรัฐงวดไตรมาส 2/64 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ รวมถึงการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่ม Real Sector

พร้อมให้แนวรับ 1,530-1,520 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,550-1,555 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,930.93 จุด ลดลง 127.59 จุด (-0.36%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,400.64 จุด ลดลง 0.82 จุด (-0.02%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,762.58 จุด เพิ่มขึ้น 102.01 จุด (+0.70%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 42.25 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 140.95 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 747.48 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ก.ค.)1,537.63 จุด ลดลง 7.47 จุด (-0.48%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,839.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ก.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ก.ค.) ปิด 72.39 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ก.ค.) อยู่ที่ 3.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.86 แนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.80-32.90 จับตาสถานการณ์โควิดในปท.
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานภาพรวมสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ 19 แห่ง ณ สิ้นเดือน มิ.ย.64 ขยับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าประมาณ 7.84 หมื่นล้านบาท ประเมินว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อน่าจะปิดสิ้นไตรมาส 2/64 ที่ระดับประมาณ 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่เติบโต 4.6% แม้เริ่มชะลอลงแต่ก็ยังไม่มากนัก เพราะได้รับแรงประคองทิศทางกลับมาบางส่วนจากการขยายตัวต่อเนื่องของสินเชื่อใน 2 ส่วนหลัก ได้แก่ สินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อเสริมสภาพคล่องและใช้เป็นเงินทุน หมุนเวียนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ยังคงมีกำลังซื้อ กลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบราคาประมาณ 1-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท ตามลำดับ
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือน ก.ค.64 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าทุกภูมิภาค เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ 57.6 ดัชนีฯภาคตะวันออกอยู่ที่ 56.1 ดัชนีฯภาคเหนืออยู่ที่ 51.7 ดัชนีฯภาคใต้อยู่ที่ 46.8 ดัชนีฯภาคตะวันตกอยู่ที่ 41.7
  • คลังการันตีเศรษฐกิจไทยยังไหว แม้โควิด-19 ระอุหนักทั่วประเทศ ชี้อานิสงส์ส่งออกโตวันโตคืน ลุ้นปีนี้ขยายตัวเกิน 10% หนุนเต็มสูบ แจงขอประเมินสถานการณ์ พร้อมระบุยังไม่มีมาตรการกระตุ้นใหม่ออกมา
  • สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวเชื่อม ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ ตั้งเป้าเดือนแรก 500 คน สร้างรายได้ 30 ล้านบาท หวังรัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เห็นชอบมาตรการ

หุ้นเด่นวันนี้

  • WICE (เคทีบีเอสที) “ซื้อ”เป้า 13.50 บาท กำไรปี 2564 ทำ new high ต่อเนื่อง จากธุรกิจขนส่งที่เติบโตสดใส
  • ADVANC (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 210 บาท คาดผลกำไร Q2/64 ยังประคองตัวที่ระดับ 6,700 ล้านบาททรงตัว qoq และ yoy ในอดีต (มิ.ย.- ส.ค.) ราคาหุ้นจะ Outperform ตลาดจากเข้าซื้อดักเงินปันผลระหว่างกาลปีนี้คาดจ่ายปันผลระหว่างกาล 3.25 บาทให้ Dividend yield 1.8%
  • SCGP (คันทรี่ กรุ๊ป) “ซื้อ”เป้าใหม่ 72 บาท (จาก 51 บาท) รายงานกำไรสุทธิ Q2/64 ที่ 2.3 พันล้านบาท (+20%YoY, +6%QoQ) ใกล้เคียงคาดการณ์ Bloomberg Consensus โดยมีปัจจัยผลักดันหลักมาจากราคาบรรจุภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้น และการรวมกิจการที่เพิ่งซื้อเข้ามาใหม่ อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวลงเล็กน้อยตามต้นทุนเยื่อกระดาษ และพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งบริษัทยังเดินหน้าแผนการขยายธุรกิจในปี 2564 โดยจะซื้อกิจการแล้วเสร็จ 2 แห่งในช่วง Q3/64 ซึ่งคิดเป็น 5% ของรายได้
  • KEX (ยูโอบี เคย์เฮียน) เป้า 50.00 บาท คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 ทรงตัว แต่มีโอกาสเร่งขึ้นในไตรมาส 3/64 จากการล็อคดาวน์หนุนยอดส่งสินค้า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 64)

Tags: , ,