นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ช่วงเย็นวานนี้ (27 พ.ค.) ซึ่งได้พบกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า มีการพูดคุยกันในวงกว้าง โดยตอบรับที่ถูกเชิญเข้าร่วมประชุมด้วยดี และมีการแสดงความเห็นแบบสร้างสรรค์
“คิดว่าทุกคนมีความหวังดีต่อประเทศชาติ ส่วนวิธีการที่จะมาช่วยเหลือประชาชน หรือกอบกู้เศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่จะต้องมาพูดคุยกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนท่าทีของผู้ว่าฯ ธปท. ต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอ่อนลงหรือไม่ หลังจากที่คัดค้านมาตลอดในช่วงก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปฏิกิริยาอ่อนหรือแข็ง เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วยนั้น ทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมทั้งผู้ว่าฯ ธปท. เลขาธิการสภาพัฒน์ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ต่างมาด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ อยากทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยดีขึ้น ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็เป็นหนึ่งในหลายโครงการที่ได้พูดคุยกัน ทุกคนตอบรับด้วยความมีเหตุมีผลซึ่งกันและกัน
สำหรับกรณีผลสำรวจของสถาบันพระปกเกล้า ที่ออกมาว่าทั้งตัวบุคคล และรัฐบาล มีคะแนนนิยมตามหลังพรรคก้าวไกลนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผลงานอย่างเดียวที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าโพลออกมาเป็นอย่างไร แสดงว่าประชาชนก็ยังไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องทำงานกันต่อไป
นอกจากนี้ ผลสำรวจที่ออกมายังแสดงถึงความไม่เชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล แม้ทำงานผ่านมา 10 เดือนแล้ว แต่ความเชื่อมั่นไม่เพิ่มขึ้นเลยนั้น นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ความคิดเห็นของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลต้องนำมาคำนึงถึง และประมวลว่ายังทำไม่ดีพอ
“อยากจะลงเชิงลึกว่า เราก็มีโพลของเราเหมือนกัน ว่าบางเรื่องที่เรายังทำไม่ดีพอ เริ่มมีกระบวนการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งราคาพืชผลการเกษตร เรื่องระบบสาธารณสุข เรื่องยาเสพติด ต่างๆ เหล่านี้ เรามีการทำงานกันอย่างต่อเนื่อง แต่แน่นอนว่า ผลงานยังไม่เป็นที่พอใจ และเชื่อว่าเรามีการทำงานอย่างมีความคืบหน้า เพื่อจะเข้าไปแก้ปัญหาเหล่านี้” นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนกระแสข่าวที่ 40 ส.ว. ที่ยื่นร้องนายกรัฐมนตรีต่อศาลรัฐธรรมนูญ มีการพาดพิงไปถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ควรไปพาดพิง เพราะพรรคพลังประชารัฐก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว และตนก็ทำงานกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ไม่ได้มีปัญหากัน
“อย่าไปกล่าวโทษท่าน โดยไม่มีหลักฐานดีกว่า เพราะตอนนี้ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล้วเรื่องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ผมมีหน้าที่รวบรวมข้อมูล และชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญใน 15 วัน ก็ปล่อยให้เป็นกระบวนการยุติธรรมดีกว่า ไม่อยากจะไปกระทบกระทั่งอะไร เพราะเรื่องเข้าสู่กระบวนการแล้ว ต่างคนก็ต่างทำงานกันไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ยืนยันว่า มีความเป็นไปได้ที่ GDP ของไทยปีนี้ จะเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 2.5% ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความมั่นใจ คือ การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ในส่วนที่ยังไม่ได้นำออกใช้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ค. 67)
Tags: GDP, ธปท., เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ, เศรษฐา ทวีสิน