นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/67 จะเติบโตต่อเนื่อง โดยจะขึ้นอยู่กับราคาผลิตภัณฑ์ในตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นราคาก๊าซธรรมชาติ ราคาน้ำมันดิบ และปิโตรเคมี ซึ่งคาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าราคาปิโตรเคมียังได้รับความกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงอุปทานที่เข้ามาในตลาดค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ ธุรกิจก๊าซฯ คาดว่าต้นทุนจะปรับตัวลดลงจากปีก่อน และไตรมาส 1/67 จาก Spot LNG นำเข้ามีราคาลดลงมา ทำให้ราคาต้นทุนก๊าซฯ โดยรวมคาดปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม อาจมีความเสี่ยงจากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ มาใช้ราคา Single Pool Gas Price บ้าง
ด้านราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 2/67 คาดจะอยู่ที่เฉลี่ย 82-92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 4.7-5.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ทาง IMF มีการคาดการณ์ว่าจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.2% จากธนาคารกลางทั้งสหรัฐและยุโรปมีแนวโน้มจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในครึ่งปีหลังของปีนี้ ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นจากการเลือกตั้งในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย อินเดีย รัสเซีย และสหรัฐ
อย่างไรก็ดี นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังทยอยลดลง หลังมีการใช้จ่ายไปค่อนข้างมากในช่วงของการฟื้นตัวหลังโควิด-19 ขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง จากผลกระทบของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ทำให้การกีดกันทางการค้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนเศรษฐกิจไทย คาดขยายตัว 2.7% เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน แม้ยังคงเผชิญความท้าทายและความเสี่ยงหลายด้าน โดยมีปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้จะกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 เป็นแรงหนุนต่อเนื่องมายังภาคการบริโภคฟื้นตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีความไม่แน่นอนจากนโยบายการเงิน และการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้า รวมถึงปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ค. 67)
Tags: PTT, ธนพล ประภาพันธ์, ปตท., หุ้นไทย