บมจ. บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ปลื้ม ผลงาน 25 ปี บรรลุเป้าหมายภารกิจพลิกฟื้นสินทรัพย์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ช่วยลูกหนี้กลับคืนสู่ระบบเศรษฐกิจปกติ คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น 484,649 ล้านบาท และสามารถจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายไปแล้ว 122,866 ล้านบาท ขณะที่ผลเรียกเก็บไตรมาส 1 ปี 67 ปรับตัวดีขึ้น 9.44% จากช่วงเดียวกันปีก่อน กำไร 423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.43%
นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM เปิดเผยถึงการดำเนินงานในช่วง 25 ปี ว่า บรรลุตามเป้าหมายในการเป็นองค์กรซึ่งทำหน้าที่แก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของประเทศ โดยสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ให้ได้ข้อยุติจากการแก้ไขปัญหาหนี้ได้รวม 155,683 ราย คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น 484,649 ล้านบาท และสามารถจำหน่ายทรัพย์ NPA ไปแล้ว 52,258 รายการ คิดเป็นราคาประเมิน 122,866 ล้านบาท
ขณะที่ผลเรียกเก็บไตรมาส 1 ปี 67 สามารถทำได้ 3,535 ล้านบาท อัตราเติบโต 9.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่จำนวน 3,230 ล้านบาท สร้างผลกำไรได้ 423 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 58.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีผลกำไร 267 ล้านบาท ส่งผลให้ตลอดช่วง 25 ปี BAM มีกำไรสะสมรวม 77,593 ล้านบาท
โดยปัจจุบัน BAM มี NPL อยู่ในความดูแลจำนวน 87,371 ราย คิดเป็นภาระหนี้รวม 496,002 ล้านบาท เมื่อเทียบกับระบบสถาบันการเงินคิดเป็น 98.06% ขณะที่ NPA มีจำนวน 24,378 รายการ มูลค่าราคาประเมิน 72,958 ล้านบาท เมื่อเทียบกับระบบสถาบันการเงินคิดเป็น 47.19%
นายบัณฑิต กล่าวถึงแนวทางการบริหารจัดการ NPL ว่า ได้ดำเนินการผ่านโครงการ/มาตรการต่าง ๆ เช่น มาตรการโอนตีทรัพย์ชำระหนี้ มาตรการซื้อคืนทรัพย์หลักประกัน (First Buyers Option) มาตรการปรับลดหนี้ และมาตรการแปลงหนี้เป็นทุน โดยมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของ BAM จะเน้นการเจรจาภายใต้เงื่อนไขที่ผ่อนปรน ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดร่วมกันทั้งฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ นอกจากมาตรการเหล่านี้แล้ว ยังมีโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการคืนทรัพย์ให้คุณ โครงการสุขใจได้บ้านคืน ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญในการดำเนินธุรกิจของ BAM ที่ต้องการคืนทรัพย์หลักประกัน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินให้ลูกหนี้
ด้านบริหารจัดการ NPA เน้นจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตาม Target Segment มีการทำโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเช่น โครงการที่นำเสนอขายคอนโดฯ ราคาประหยัดให้กับผู้มีรายได้น้อย หรือมีงบประมาณจำกัด ส่วนโครงการขายทรัพย์แบบผ่อนชำระกับ BAM เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อจากสถาบันการเงิน สามารถยื่นขอเข้าร่วมโครงการซื้อทรัพย์แบบผ่อนชำระกับ BAM ได้
นอกจากนี้ ยังมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่ดินเปล่า ซึ่ง BAM สร้างแปลงสาธิตบนทรัพย์ประเภทที่ดินเปล่าของ BAM เพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกค้าเห็นการใช้ประโยชน์ในที่ดินได้แก่ โครงการปลูกพืชเศรษฐกิจ เพื่อผลิตพลังงานทดแทน, โครงการพออยู่ พอกิน กับที่ดิน บสก., โครงการชีวิตที่ดี มีได้จริง (เกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง) เป็นต้น
- กางแผนกลยุทธ์ปี 67 “ขยาย-พัฒนา-ยั่งยืน”
นายบัณฑิต กล่าวด้วยว่า BAM ได้กำหนดแผนกลยุทธ์ประจำปี 2567 ประกอบด้วย
1. กลยุทธ์การขยายธุรกิจ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ Clean Loan ด้วยการจัดกลุ่มลูกหนี้ Clean Loan ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่บริหารเอง กับกลุ่มที่ให้ทนายนอก/Collector บริหารจัดการ เพื่อลดเวลาในการติดตามหนี้ และการดำเนินโครงการกิจการค้าร่วม (Consortium) โดยในเบื้องต้น BAM จะคัดเลือกทรัพย์ประเภทโครงการ เพื่อกำหนดมาตรฐานเงื่อนไข
2. กลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจ ได้แก่ การพัฒนา Pricing Model ในการกำหนดราคาซื้อ และเน้นการลงทุนแบบ Selective และการลดค่าใช้จ่าย ลดเวลา ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทางคดี กระบวนการประเมินราคาทรัพย์ รวมถึงปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีความยืดหยุ่น
3. กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ได้แก่ การสร้างระบบการให้บริการลูกค้าผ่านช่องทาง Online โดยมีระบบการชำระเงิน ตรวจสอบภาระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ รวมทั้งการซื้อทรัพย์ผ่าน BAM Mobile Application การบริหารจัดการข้อมูล DATA Management Dashboard ด้วยการสร้างศูนย์ข้อมูลกลาง (DATA Center) เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลองค์กรและการจัดทำรายงานทั้งหมด โดยมีข้อมูลจากแหล่งเดียวกัน เพื่อกลายเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data Driven Organization) ซึ่งเป็นเครื่องมือการตัดสินใจสำหรับการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงระบบ Lead Management ที่จะช่วยรวบรวมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้า และกลุ่มลูกหนี้ของ BAM ที่ต้องการทราบข้อมูลเบื้องต้น เพื่อเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ให้ติดต่อหรือลงทะเบียนเข้ามา และเตรียมนำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์ลูกหนี้ ทำให้สามารถจำแนกลูกหนี้กลุ่มต่าง ๆ เพื่อหาแนวทางบริหารจัดการที่เหมาะสมต่อไป
- เป้าหมายระยะ 3-5 ปี มุ่งสู่ Digital Enterprise
นายบัณฑิต กล่าวว่า เมื่อมองไปข้างหน้าใน 3-5 ปี BAM ได้วางแนวทางการเป็น Digital Enterprise ซึ่งมีการปรับกระบวนการทำงานหลักสำหรับ NPL NPA LAW และบัญชีการเงิน รวมถึงการสร้างฐานข้อมูลเพื่อนำมาใช้เชิงธุรกิจ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบงาน และข้อมูลสารสนเทศ ในขณะที่ระยะ 3-5 ปี มุ่งสู่การเป็นศูนย์การสร้างมูลค่าทรัพย์ (Asset market maker) ด้วยการดำเนินการเป็น Non-Financial Debt Management (NFD), Secured P2P Facilitator และRegional AMC Expansion
ส่วนระยะมากกว่า 5 ปี สร้างโอกาสในระยะยาวด้วยการเพิ่มพอร์ตไปยัง Non-RE (Alternative assets), ปล่อยกู้ลูกหนี้ที่ชำระอย่างสม่ำเสมอ (Recovery credit) การเป็น Regional NPLs marketplace การจัดทำธุรกิจลงทุนในหุ้นนอกตลาด (Private equity) การ Distressed PE broker และการพัฒนาธุรกิจด้านข้อมูลการลงทุนอสังหาฯ (RE Data intelligence) รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับอนาคต Capability Development พร้อมทั้งการจัดทำแผนพัฒนา Successor & Talent และพัฒนา Core Capability เช่น งาน AO : NPL /NPA และงานประเมินราคาทรัพย์สิน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ค. 67)
Tags: BAM, บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์, บัณฑิต อนันตมงคล, หุ้นไทย