นักวิเคราะห์ ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์อัพ โดยปัจจัยภายนอกยังไม่มีปัจจัยใหม่หนุนดัชนี ซึ่งเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่เฟดออกมาให้ความเห็นโทนโดยรวมยังคงดอกเบี้ยต่อ ซึ่งอยู่ในความคาดหมายของตลาดอยู่แล้ว ขณะที่ปัจจัยในประเทศ โดยรวมเป็นบวกหลังการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/67 ดีกว่าที่ตลาดคาด สอดคล้องกับการรายงานงบฯ ของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/67 ที่ดีกว่าตลาดคาดเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวน่าจะหนุนให้บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยดีขึ้นในระยะถัดไป โดยให้กรอบแนวรับ 1,370 จุด และแนวต้าน 1,390 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งออกด้านข้าง ไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์อัพ โดยปัจจัยภายนอกยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามามีผลต่อดัชนี ซึ่งในฝั่งของตลาดสหรัฐเมื่อวานนี้มีการออกมาให้ความเห็นของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โทนโดยรวมคล้ายกันคือยังคงดอกเบี้ยต่อ เพื่อให้เงินเฟ้ออยู่ในเป้าหมายที่ 2% อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวานปรับตัวขึ้นลงเล็กน้อยเนื่องจากประเด็นดังกล่าวอยู่ในคาดหมายของตลาดอยู่แล้ว
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ โดยรวมเป็นบวกในแง่ของปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจหลังจากเมื่อวานนี้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 1/67 เติบโต 1.5% ดีกว่าที่ตลาดคาดทั้ง YoY และ QoQ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/67 ที่ออกมาดีกว่าตลาดในช่วง 3-5% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวน่าจะทำให้บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไปดีขึ้น
อย่างไรก็ตามระยะสั้นอาจขาดปัจจัยหนุน รวมทั้งตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้เป็นวันหยุดวิสาขบูชา อาจทำให้โดยรวมอาจแกว่งออกด้านข้าง
พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,370 จุด และแนวต้าน 1,390 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (20 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,806.77 จุด ลดลง 196.82 จุด หรือ -0.49%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,308.13 จุด เพิ่มขึ้น 4.86 จุด หรือ +0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,794.87 จุด เพิ่มขึ้น 108.91 จุด หรือ +0.65%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดที่ระดับ 3,164.68 จุด ลดลง 6.46 จุด หรือ -0.20% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดที่ระดับ 19,473.67 จุด ลดลง 162.55 จุด หรือ -0.83% ส่วนดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 39,232.16 จุด เพิ่มขึ้น 162.48 จุด หรือ +0.42%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 พ.ค.) 1,378.70 จุด ลดลง 3.98 จุด (-0.29%) มูลค่าซื้อขาย 44,067.53 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 109.22 ล้านบาท (20 พ.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 26 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 79.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 พ.ค.) อยู่ที่ 2.63 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.16 บาท/ดอลลาร์ กลับมาอ่อนค่าหลังบอนด์ยีลด์หนุนดอลลาร์แข็งค่า จับตารายงานเฟด
- คลังชงครม.วันนี้ ออก พ.ร.บ. งบฯกลางปี 67 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังการเกลี่ยงบฯ ปี 67 ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย 1.75 แสนล้านบาท แต่อาจต้องตั้งงบฯขาดดุลเพิ่ม ด้าน ธปท.แจง 2 โจทย์รมว.คลัง การปรับเป้าหมายเงินเฟ้อทำอยู่แล้วทุกปี โดย กนง.จะหารือคลังปลายปี ขณะนี้ยังไม่มีกรณีเร่งด่วนที่ต้องปรับก่อนตารางเวลา พร้อมหนุนกลุ่มเปราะบางเข้าถึงแหล่งทุน
- อสังหาฯ สาหัส “REIC” ชี้แบงก์เข้มปล่อยกู้-กำลังซื้ออ่อนแอ กดสินเชื่อปล่อยใหม่ ทรุดหนัก ต่ำสุดในรอบ 25 ไตรมาส ลุ้นครึ่งหลังปี 2567 ฟื้น หวังผลอานิสงส์มาตรการกระตุ้นภาครัฐช่วยดัน
- “ตะวันออกกลาง” ระอุ ดันราคาทองคำพุ่งทุบสถิติใหม่ ทองฟิวเจอร์ ทะลุ 2,450 ดอลลาร์ ตลาดน้ำมันจับตา “อิหร่าน-ซาอุฯ” ทิศทางประชุมโอเปก 1 มิ.ย. ด้าน “นายกสมาคมค้าทองคำ” ในไทยคาดไตรมาส 3 นี้ ราคาทองปรับขึ้นแตะ 45,000 บาท จากแนวโน้มเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย “วายแอลจี” มองปมภูมิรัฐศาสตร์ ดันธนาคารกลางทั่วโลก ตุนทองคำต่อเนื่อง
- สศช.เผยจีดีพีไตรมาส 1 ขยายตัว 1.5% หั่นจีดีพีปี 67 เหลือ 2-3% จากเดิม 2.2-3.2% จับตาความเสี่ยงครึ่งปีหลังจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้ารุนแรงขึ้นกระทบเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง “นักเศรษฐศาสตร์” จ่อทบทวนเป้าใหม่ แต่เศรษฐกิจยังมีปัจจัยลบปกคลุมเพียบ ทั้งภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า ดอกเบี้ยสูง หนี้ครัวเรือนสูงฉุดบริโภค
หุ้นเด่นวันนี้
- BA (กสิกรไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 21.56 บาท งบ Q1/67 ออกมาแรงพลิกมาเป็นกำไร 1.8 พันล้านบาท จากขาดทุนในไตรมาสก่อนหน้า และขยายตัวถึง 152% YOY ดีกว่าเราคาดและตลาดประเมินมาก โดยงบแค่ไตรมาสเดียวก็คิดเป็นถึง 76% ของกำไรบริษัทที่เราประเมินทั้งปีแล้ว อีกทั้งมองไปข้างหน้าใน Q2/67 คาดกำไรเร่งตัวได้ต่ออีก ทำให้เชื่อว่ากำไรที่เราประเมินไว้สำหรับภาพทั้งปีมีอัพไซท์ที่อาจต้องปรับตัวเลขขึ้น ด้วยแนวโน้มกำไรมีโอกาสปรับขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นยังมีอัพไซท์อีกมากและเข้ากับกระแสท่องเที่ยวฟื้นตัวและเงินบาทแข็งค่า
- SAPPE (ฟินันเซียฯ) แนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 115 บาท เราคาดรายได้และกำไรปี 67 จะเดินหน้าทำ New High เบื้องต้นคาดโต 20-25% จากทั้งปัจจัยฤดูกาลในประเทศที่อากาศร้อน และโดยเฉพาะการส่งออกทั้งยุโรป รวมถึงตะวันออกกลาง ขณะที่ Margin คาดยังยืนในโซนสูงจากมาตรการคุมต้นทุนแม้จะมีผลกระทบจากค่าเสื่อมฯที่เพิ่มขึ้น เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 67 ขึ้น 6% เป็น 1.4 พันล้านบาท +32% Y-Y จาก Margin ที่ดูดีกว่าคาด ผู้บริหารยังคงเป้ารายได้เชิงรุกแตะ 1 หมื่นล้านบาท ภายในปี 69 ยังคงเป็น Growth Stock ที่เราชอบ
- AMATA (คิงส์ฟอร์ด) ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท สำหรับภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี 67 เราคาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย โดยในส่วนของกำไรสุทธิ 1Q67 ของ AMATA อยู่ที่ 463 ล้านบาท (-17%YoY, -32%QoQ) หดตัวหลักๆ Margin ถูกดดันจาก 1.สัดส่วนการโอนที่ดินในระยองและเวียดนามที่มี Margin ต่ำมีสัดส่วนที่สูงขึ้น และ 2.รายได้สาธารณูปโภคในเวียดนามที่ราคาขายถูกคุมด้วยภาครัฐฯ อย่างไรก็ตาม เราคาดกำไรไตรมาสที่1 จะเป็นจุดต่ำสุดของกำไรทั้งปีแล้ว และยอดโอนที่ดินจะทะยอยปรับตัวดีขึ้นของไตรมาสที่เหลือ ทั้งนี้ ในส่วนของ backlog ณ สิ้นปี มี.ค.67 ยังแข็งแกร่งที่ 1.39 หมื่นล้านบาท (คาดจะสามารถทยอยโอนได้ในปีนี้ราว 50%)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ค. 67)