นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/67 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมที่ 1,787 ล้านบาท หรือลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นการขายและส่งมอบโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) จากปี 65-66 เป็นหลัก
อย่างไรก็ตามหากดูยอดการโอนกรรมสิทธิ์รวมบริษัทร่วมทุนนั้นมีจำนวน 1,785 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41% YoY ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการนิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว (Nue Noble Ratchada Lat Phrao) โครงการนิว โนเบิล ไฟฉาย-วังหลัง (Nue Noble Faichai – Wang Lang) โครงการโนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ (Noble Aqua Riverfront Ratburana) โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย (Noble Terra Rama 9 – Ekkamai) และโครงการโนเบิล สเตท 39 (Noble State 39) รวมถึงกำไรสุทธิอยู่ที่ 79 ล้านบาท หรือเติบโต 8% YoY
สำหรับภาพรวมในช่วงไตรมาส 1/67 บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ โนเบิล นอร์ส กรุงเทพกรีฑา (Noble Norse Krungthep Kreetha) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการรวม 1,480 ล้านบาท มียอดขายสะสมที่ 9% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าภายในประเทศ ส่งผลให้บริษัทมียอดขาย (Presale) สำหรับ 4 เดือนแรกของปีมากกว่า 4,300 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการดิ เอ็มบาสซี่ แอท ไวร์เลส (The Embassy Wireless) โครงการโนเบิล นอร์ส กรุงเทพกรีฑา (Noble Norse Krungthep Kreetha) โครงการโนเบิล สเตท 39 (Noble State 39) โครงการนิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ (Nue Hype Suksawat) โครงการนิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว (Nue Noble Ratchada Lat Phrao) และโครงการนิว ริเวอร์เรสต์ ราษฎร์บูรณะ (Nue Riverest Ratburana) เป็นต้น
โดยยอดขายดังกล่าวสามารถแบ่งเป็นยอดขายจากลูกค้าภายในประเทศ 34% และยอดขายจากลูกค้าต่างชาติ 66% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าจากประเทศพม่า จีน และไต้หวัน ดังนั้นบริษัทจึงเชื่อว่ายอดขายลูกค้าต่างชาติในปี 67 จะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องจากปี 66 ที่ทำนิวไฮระดับ 5,200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำถึงจุดแข็งของ NOBLE ที่มีฐานลูกค้าต่างชาติที่แข็งแกร่ง
ในช่วง 8 เดือนหลังของปี 67 บริษัทยังคงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนอย่างต่อเนื่องอีก 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 21,130 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise รวมจำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,230 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง รวมจำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,900 ล้านบาท ซึ่งกระจายอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ เพื่อจะตอบรับความต้องการที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องและสนับสนุนยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้จำนวน 20,600 ล้านบาท
สำหรับไตรมาส 1/67 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่ารวม 21,371 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง (Under Construction) และโครงการใหม่ที่เพิ่งเปิดขาย (New Project) รวมมูลค่าทั้งหมด 34,625 ล้านบาทที่ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ จึงเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ระดับ 14,000 ล้านบาท
ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ สำหรับต่างชาติยังคงให้ความสนใจกับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของผลกระทบเชิงบวกจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และประเทศไทย ก็ยังคงเป็นประเทศที่น่าลงทุน ราคาอสังหาริมทรัพย์ยังคงคุ้มค่าต่อการลงทุน (Affordable) ขณะที่ลูกค้าภายในประเทศน่าจะได้ รับปัจจัยบวกมาจากการที่รัฐบาลประกาศเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย มาตรการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหารืมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯ จาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยราคาประเมินไม่เกิน 7 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนของสินค้าพร้อมขายที่ระดับราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาทอยู่ที่ระดับ 32%
ปัจจัยข้างต้นทำให้บริษัทเชื่อว่าจะช่วยผลักดันยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 67 ให้มีความคึกคักมากขึ้น รวมถึงสินเชื่อบ้านจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้แก่ โครงการ Happy Home อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปีเป็นระยะเวลา 5 ปี และโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.98% ต่อปี และสินเชื่อบ้านจากธนาคารออมสิน ได้แก่ โครงการสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อประชาชน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี และโครงการสินเชื่อ D-HOME อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.50% ต่อปี ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกที่ทำให้กำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ค. 67)
Tags: NOBLE, ธงชัย บุศราพันธ์, หุ้นไทย, โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์