บริษัทเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของนายอีลอน มัสก์ เผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการทรุดตัวของราคาหุ้นและยอดขายที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้เทสลาตัดสินใจใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อกอบกู้ธุรกิจ ซึ่งได้แก่การปรับลดจำนวนพนักงานและลดการใช้จ่ายในเครือข่ายซูเปอร์ชาร์จ (EV Supercharger)
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ขณะนี้เทสลาหันมาให้ความสนใจในศักยภาพของประเทศในเอเชียที่นอกเหนือจากจีน โดยนอกจากเทสลาจะสนใจอินเดียแล้ว ทางบริษัทยังจับตามองประเทศไทยอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เนื่องจากไทยเปรียบเสมือนเมืองหลวงของตลาดรถยนต์ EV ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (EV capital of Southeast Asia) หลังจากการเดินทางด้วยพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Mobility) ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยได้เจรจากับเทสลาในช่วงที่นายมัสก์กำลังสำรวจหาทำเลที่ตั้งกิกะแฟกทอรี (Gigafactory) หรือโรงงานขนาดมหึมาของบริษัทเทสลา โดยไทยเป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจดังกล่าวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับอินเดีย โดยรายงานระบุว่าเมื่อไม่นานมานี้นายมัสก์มีแผนที่จะเดินทางเยือนอินเดียก่อนที่เขาจะยกเลิกทริปดังกล่าวโดยให้เหตุผลว่ามีภารกิจที่ต้องสะสางที่เทสลา และเดินทางไปยังจีนในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ไทย ได้รับฉายาว่าเป็น “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia)” เป็นเวลานานหลายปีแล้ว เนื่องจากชื่อเสียงด้านแรงงานมีฝีมือและความสำเร็จในการดึงดูดบริษัทยานยนต์ต่างชาติเข้ามาในประเทศ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะสามารถช่วยให้เทสลาลดการพึ่งพาจีนได้ นอกจากนี้ ด้วยฐานการผลิตในไทย เทสลายังสามารถให้บริการในตลาดเอเชียและที่อื่น ๆ ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเติบโตอย่างรวดเร็วทัดเทียมกับจีนได้
นายเครก เออร์วิน นักวิเคราะห์อาวุโสด้านการวิจัยจากบริษัทรูธ แคปิตอล (Roth Capital) กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะเป็นแหล่งผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ต้นทุนต่ำเหมือนกับจีน ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนการผลิตลดลงด้วย โดยไทยถือเป็นทางเลือกหนึ่งของเทสลาเนื่องจากจะเพิ่มความต่อเนื่องในการเข้าถึงห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะสนับสนุนโรงงานของเทสลาในเซี่ยงไฮ้ แต่ไม่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลจีน”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ค. 67)
Tags: EV, รถยนต์ EV, รถยนต์ไฟฟ้า, เอเชีย