สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (SIA) จากสหรัฐ และบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (BCG) บริษัทให้คำปรึกษาด้านบริหารจัดการระดับโลกจากสหรัฐ เผยแพร่รายงานเมื่อวันพุธ (8 พ.ค.) โดยระบุว่า สหรัฐจะเพิ่มศักยภาพการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ได้มากกว่า 3 เท่าตัวและควบคุมการผลิตชิปขั้นสูงเกือบ 30% ของโลกภายในปี 2575 โดยได้แรงหนุนจากกฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์ (Chips and Science Act) ของสหรัฐ
รายงานระบุว่า สหรัฐจะผลิตชิปขนาดต่ำกว่า 10 นาโนเมตรในสัดส่วน 28% ของโลกภายในปี 2575 ขณะที่จีนมีแนวโน้มจะผลิตชิปขั้นสูงสุดดังกล่าวเพียง 2% ของโลก
สหรัฐผ่านกฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์ในปี 2565 โดยกฎหมายฉบับดังกล่าวได้มอบเงินทุน 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสร้างศักยภาพการผลิตชิปในสหรัฐ เนื่องจากสหรัฐพยายามจำกัดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานที่มีศูนย์กลางอยู่ในเอเชีย โดยรายงานระบุว่า เงินทุนก้อนดังกล่าวจะเริ่มผลิดอกออกผลในทศวรรษหน้า
สหรัฐมีศักยภาพการผลิตชิปเพียง 10% ของโลกในปี 2565 ขณะที่ศักยภาพการผลิตชิปส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย แต่สหรัฐคาดการณ์ว่าจะขยายศักยภาพการผลิตชิป 203% ในทศวรรษหน้า โดยภายในปี 2575 สหรัฐจะคิดเป็นสัดส่วน 14% ของศักยภาพการผลิตชิปโลก
รายงานระบุว่า หากไม่มีกฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์ ศักยภาพการผลิตชิปของสหรัฐจะลดลงเหลือเพียง 8% ของโลกภายในปี 2575
นอกจากนี้ กฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์จะช่วยให้สหรัฐแซงหน้าจีนในการผลิตชิปที่มีความล้ำหน้าที่สุดด้วย
สหรัฐอยู่ในสถานะเดียวกับจีน เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีศักยภาพในการผลิตชิปขนาดต่ำกว่า 10 นาโนเมตร อย่างไรก็ตาม เงินทุนจากกฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์ได้ทำให้ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (TSMC) บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่จากไต้หวัน, ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากเกาหลีใต้ และอินเทล บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากสหรัฐ ตกลงเพิ่มการลงทุนในสหรัฐและผลิตชิปขั้นสูงสุดของโลกบนแผ่นดินสหรัฐ
สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชีย รายงานโดยอ้างอิงรายงานของ SIA และ BCG ว่า เดิมที TSMC ตั้งเป้าจะผลิตชิปขนาด 3 นาโนเมตรในโรงงานรัฐแอริโซนาของสหรัฐ แต่ปัจจุบันวางแผนผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรด้วย เนื่องจากได้รับเงินทุนตามกฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์จำนวน 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับซัมซุงที่ให้คำมั่นว่าจะผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรในปริมาณมากในโรงงานที่รัฐเท็กซัสของสหรัฐ หลังได้เงินทุนตามกฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์จำนวน 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยเหตุนี้ สหรัฐจะมีศักยภาพการผลิตชิปขนาดต่ำกว่า 10 นาโนเมตรคิดเป็นสัดส่วน 28% ของโลกภายในปี 2575
เมื่อเปรียบเทียบกัน แม้รัฐบาลจีนได้ทุ่มงบประมาณกว่า 1.42 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจูงใจให้มีการสร้างอุตสาหกรรมชิปภายในประเทศ แต่จีนมีแนวโน้มจะสามารถผลิตชิปขั้นสูงสุดได้เพียง 2% ของโลก
นายจอห์น นิวเฟอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SIA ระบุว่า “จีนดูเหมือนจะทุ่มเทพลังงานไปกับชิปรุ่นเก่าเยอะกว่ามาก”
ยกตัวอย่างเช่นจีนจะยกระดับศักยภาพการผลิตชิปขนาด 10-22 นาโนเมตรเพิ่ม 3 เท่าตัวจาก 6% ของโลกเป็น 19% ภายในปี 2575 ขณะเดียวกัน จีนจะเพิ่มศักยภาพการผลิตชิปขนาดมากกว่า 28 นาโนเมตรมากที่สุด โดยเพิ่มจาก 33% ในปี 2565 เป็น 37% ในปี 2575
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ค. 67)
Tags: จีน, ชิป, เซมิคอนดักเตอร์