นายเท็ด คริสตี ซีอีโอสายการบินสปิริต แอร์ไลน์ส (Spirit Airlines) วิพากษ์วิจารณ์อุตสาหกรรมสายการบินว่าเป็นเหมือน “เกมที่ล็อกผลไว้แล้ว” และผู้บริโภคชาวสหรัฐคือ “ผู้แพ้ในระยะยาว”
“ทุกวันนี้ กำไรเกือบทั้งหมดของอุตสาหกรรมสายการบินสหรัฐล้วนกระจุกอยู่ที่บริษัทเพียง 2 แห่งเท่านั้น ขณะที่สายการบินขนาดเล็กที่ไม่ใช่เจ้าเก่าแก่กำลังดิ้นรนเพื่อฟื้นฟูผลกำไร ภายใต้สถานการณ์ที่ยิ่งดูเหมือนเป็นเกมที่ล็อกผลไว้แล้วเข้าไปทุกที” นายคริสตีกล่าวในการประชุมรายงานผลประกอบการกับนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ (7 พ.ค.)
นายคริสตียังกล่าวอีกว่า “สายการบิน 4 เจ้าใหญ่คือผู้ได้รับประโยชน์จากภาวะนิวนอร์มอลนี้ ขณะที่ผู้บริโภคชาวอเมริกันคือผู้แพ้ในระยะยาว”
นายคริสตีอธิบายว่า จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ สปิริต แอร์ไลน์ส เคยคิดว่า “การสร้างแบรนด์ของหน่วยงานแห่งใหม่นี้อาจจะเป็นสีน้ำเงิน” โดยหมายถึงดีลควบรวมกิจการมูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์ กับเจ็ตบลู แอร์เวย์ส (JetBlue Airways) ที่ล้มไปแล้วเมื่อต้นปีนี้
ฟ็อกซ์ บิสซิเนส รายงานว่า นายคริสตีเคยโต้แย้งว่า ข้อตกลงการควบรวมสายการบินทั้งสอง ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการในปี 2565 นั้น “จะช่วยประหยัดเงินให้ผู้บริโภคได้หลายร้อยล้านดอลลาร์ และสร้างคู่แข่งที่แท้จริงให้กับสายการบิน ‘4 เจ้าใหญ่’ ของสหรัฐที่ครองตลาดอยู่” แต่ดีลดังกล่าวกลับเผชิญกับแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล
เมื่อเดือนม.ค. ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐได้มีคำสั่งห้ามสปิริต แอร์ไลน์ส เข้าซื้อกิจการเจ็ตบลู หลังจากที่ศาลเห็นด้วยกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้หาซื้อตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ยากขึ้น
“เมื่อมองย้อนกลับไปไม่กี่เดือนก่อน เรายังคงรู้สึกอย่างแรงกล้าว่า การที่ศาลรัฐบาลกลางมีคำสั่งห้ามการควบรวมกิจการของเรากับเจ็ตบลูเป็นการตีความที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงต่อทั้งพยานหลักฐานและกฎหมาย” นายคริสตีกล่าวกับนักวิเคราะห์
นายคริสตีกล่าวว่า “ความจริงที่ว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นฟ้องเพื่อขัดขวางการควบรวมกิจการระหว่างสายการบินสองแห่งที่มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันไม่ถึง 8% นั้น แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่เข้าใจพลวัตธุรกิจสายการบินของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคหลังโควิด”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ค. 67)
Tags: สปิริตแอร์ไลน์ส, สายการบิน