นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์การกล่าววิสัยทัศน์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดบนเวที “งาน 10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ที่ระบุว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นเศรษฐกิจ ว่า ธปท.ไม่ใช่องค์กร หรือสถาบันที่ประชาชนจะกล่าวถึง หรือวิพากษ์วิจารณ์ หรือแตะต้องไม่ได้ สิ่งที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยสื่อสารกับสังคมดังกล่าว ตนคิดว่าเป็นการแสดงออกอย่างเปิดเผย จริงใจ และห่วงใยที่ ธปท.ยังยืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้อย่างเดิม โดยไม่พิจารณาถึงผลกระทบด้านต่างๆ ซึ่งประชาชน (ที่เป็นลูกหนี้แบงค์และประชาชนทั่วๆ ไป) กำลังเผชิญชีวิต ดิ้นรนอยู่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซ้ำเติมชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างแสนสาหัส
ขณะที่สื่อมวลชนเองก็รับรู้กระแสข่าวเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ความคิดของคนในสังคมต่อประเด็นนี้ก็มีความหลากหลาย และประเด็นการตัดสินใจของ ธปท.ก็เป็นกระแสความเห็นต่างกันอย่างกว้างขวางในสังคม แต่แปลกใจว่าทำไมเมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยสะท้อนความคิดบ้างจึงเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ แบบมุ่งโจมตีด้วยอคติอย่างไร้เหตุผล
“การแสดงความเห็นต่อกรณีแบงค์ชาติในวันประชุมของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา ผมเชื่อมั่นว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกำลังทำหน้าที่สะท้อนความเห็นอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมาต่อแบงค์ชาติ ในฐานะที่องค์กรนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนาและดูแลระบบเศรษฐกิจของประเทศ ความเห็นดังกล่าวมีนัยยะที่สะท้อนถึงความห่วงใยต่อผลกระทบจากภาระทางเศรษฐกิจที่บีบคั้นชีวิตของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งกำลังเดือดร้อน และแบกรับความยากลำบากอยู่” นายภูมิธรรม ระบุ
นายภูมิธรรม ระบุว่า การแสดงความคิดทางการเมืองของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย และสำนึกความรับผิดชอบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน อีกทั้งยังเป็นการนำเสนอในเวทีของพรรคการเมือง ประกอบด้วยกรรมการและสมาชิกพรรค ที่ต่างต้องมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการแสวงหาแนวทาง มาตรการ ทางเลือก เพื่อช่วยกันคิด และจัดการภาวะเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นสิทธิที่สามารถพูดได้ ออกความเห็นได้ และเป็นเรื่องที่พึงกระทำได้ ไม่ว่าจะในฐานะพลเมือง หรือหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีความห่วงใยประชาชน ห่วงใยบ้านเมือง ผมเห็นว่าการแสดงความเห็นโดยสุจริตใจในครั้งนี้จะเป็นการกระตุกให้สังคมและผู้เกี่ยวข้องได้ช่วยกันคิด ไตร่ตรองหาเหตุผลให้เห็นทางออกมากขึ้น
“ความเป็นจริงแบงก์ชาติไม่ใช่สถาบันที่อยู่เหนือการเมือง ไม่ใช่องค์กรที่ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ ตรงกันข้ามแบงก์ชาติคือกลไกของระบบเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศที่ประชาชนทุกฝ่ายเข้าถึง เสนอความคิดเห็นได้ แม้จะมีขอบเขตหน้าที่หลักทางเศรษฐกิจ ก็ไม่ได้หมายความว่าแบงก์ชาติไม่ข้องเกี่ยวกับการเมือง และชีวิตของประชาชน” นายภูมิธรรม ระบุ
การที่ประชาชนทั่วไปหรือพรรคการเมืองกล่าวถึงแบงก์ชาติ หรือวิพากษ์วิจารณ์เสนอความเห็นต่อแบงก์ชาติ ก็ไม่ใช่การแทรกแซง แต่เป็นการเสนอเพื่อให้มุมมองทางเลือกอื่นๆ ที่เหมาะสมมากกว่าในบริบทสถานการณ์ที่เป็นอยู่ การที่สื่อบางบุคคล บางสำนักมีอคติต่อพรรคเพื่อไทย และนำความเห็นบางส่วนของหัวหน้าพรรคมาวิพากษ์อย่างรุนแรง และขยายความตามอคติของตนบวกด้วยการใส่สีตีข่าว เป็นการทำข่าวด้วยอคติมากกว่าข้อเท็จจริง
“ผมเฝ้ามองคนข่าวหรือสำนักข่าวบางคนบางส่วนที่ยังติดยึดอยู่กับอคติเดิม แล้วการใช้พื้นที่ข่าวของตนเป็นพื้นที่ละเลงอคติและขยายความขัดแย้งอยู่เนืองๆ ก่อและปั่นกระแสขัดแย้งในสังคม โดยไม่คำนึงถึงสิทธิและความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ตกเป็นข่าว” นายภูมิธรรม ระบุ
ตนขอยืนยันว่า กรณี ธปท.เป็นประเด็นที่สังคมยังสะท้อนความเห็นและสื่อสารกันได้ โดยใช้ความรู้และปัญญาที่รอบด้านมากกว่าการใช้จินตนาการที่มีแต่อคติ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ค. 67)
Tags: กระทรวงพาณิชย์, ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธปท., พรรคเพื่อไทย, ภูมิธรรม เวชยชัย, แพทองธาร ชินวัตร