งานวิจัยฉบับใหม่ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐระบุว่า ไข้หวัดนกอาจแพร่ระบาดในหมู่โคนมของสหรัฐในวงจำกัดมาแล้วเป็นเวลาประมาณ 4 เดือนก่อนที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางจะยืนยันการตรวจพบโรคอย่างเป็นทางการ ซึ่งขณะนี้แพร่ระบาดไปใน 9 รัฐในสหรัฐแล้ว
กระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) รายงานการตรวจพบไวรัสไข้หวัดนกชนิด H5N1 ครั้งแรกในฟาร์มโคนมที่รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 25 มี.ค. หลังจากมีรายงานในหลายรัฐว่าวัวผลิตนมน้อยกว่าปกติ
งานวิจัยใหม่ฉบับก่อนตีพิมพ์ที่เผยแพร่บน bioRxiv เมื่อวันพุธ (1 พ.ค.) โดยได้รับทุนจาก USDA, ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) และสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) ระบุว่า USDA เชื่อว่านกป่า ซึ่งเป็นพาหะของไวรัส ได้นำเชื้อ H5N1 มาสู่โคนม จากนั้นเมื่อมีการขนส่งวัวไปยังรัฐอื่น ๆ ไวรัสจึงแพร่ระบาดขยายวงกว้างขึ้น
“ข้อมูลบ่งชี้ว่า ไวรัสที่มีต้นกำเนิดจากนกป่าแพร่ระบาดสู่วัวเพียงครั้งเดียว และจากนั้นก็แพร่ระบาดในฝูงวัวในท้องถิ่นในวงจำกัดเป็นเวลาประมาณ 4 เดือนก่อนที่ USDA จะยืนยันอย่างเป็นทางการ” งานวิจัยระบุ
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากแวดวงวิชาการ นำโดยดร.ไมเคิล วูโรบีย์ นักชีววิทยาเชิงวิวัฒนาการจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา ได้ศึกษาข้อมูลทางพันธุกรรมของไวรัสไข้หวัดนกที่ USDA เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 เม.ย. แม้ว่า USDA จะไม่ได้ระบุวันเวลาและสถานที่ที่พบไวรัสดังกล่าว โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ข้อสรุปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การติดเชื้อไวรัส H5N1 ในโคนมเกิดขึ้นจากเหตุการณ์การแพร่เชื้อเพียงครั้งเดียวจากนกสู่วัวในช่วงปลายปี 2566
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ (3 พ.ค.) ว่า นักวิทยาศาสตร์ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ USDA ที่ไม่เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลที่จะช่วยให้นักวิจัยจากทั่วโลกติดตามวิวัฒนาการของไวรัสได้
ทั้งนี้ มีคนงานฟาร์มโคนม 1 รายในรัฐเท็กซัสมีผลการตรวจเชื้อ H5N1 เป็นบวกในระหว่างการระบาดครั้งนี้ โดยมีอาการแค่ตาแดง ซึ่งคาดว่าจะติดเชื้อจากการสัมผัสกับนมจากวัวที่ติดเชื้อ
ด้าน CDC กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ความเสี่ยงที่ประชาชนทั่วไปจะติดเชื้อไข้หวัดนกอยู่ในระดับต่ำ
ดร.แครอล คาร์โดนา ผู้เชี่ยวชาญด้านไข้หวัดนกจากมหาวิทยาลัยมินนิโซตา กล่าวว่า ไวรัสสามารถแพร่ระบาดในช่วง 4 เดือนที่ยังตรวจไม่พบ
“กว่าเราจะตรวจพบ ก็สายเกินกว่าจะควบคุมการระบาดได้แล้ว” ดร.คาร์โดนากล่าว
ทั้งนี้ งานวิจัยระบุว่า สัตวแพทย์สังเกตเห็นว่าโคนมผลิตนมได้น้อยลงและคุณภาพน้ำนมเปลี่ยนไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ นอกจากนี้ โคนมยังกินอาหารน้อยลงตั้งแต่เดือนม.ค.อีกด้วย
งานวิจัยดังกล่าวรายงานโดยไม่ระบุวันที่ว่า กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นสมาชิกเครือข่ายห้องปฏิบัติการของ USDA ที่ติดตามโรคต่าง ๆ ได้ตรวจพบไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ (Influenza A) ซึ่งรวมถึงไข้หวัดนก โดยพบในนมวัวและในตัวอย่างที่ได้จากการทำสวอบจมูกวัวที่ฟาร์มโคนมในรัฐเท็กซัส
งานวิจัยกล่าวว่า กลุ่มดังกล่าวได้ส่งตัวอย่างไปยังห้องปฏิบัติการบริการสัตวแพทย์แห่งชาติของ USDA เพื่อทำการทดสอบ ขณะที่การสอบสวนทางระบาดวิทยาในที่อื่น ๆ ยังคงดำเนินต่อไป
“โดยรวมแล้ว เป็นเรื่องดีมากที่ข้อมูลเหล่านี้ได้มีการเผยแพร่ต่อสาธารณชน” ดร.แองเจลา รัสมุสเซน นักไวรัสวิทยาจากองค์กรวัคซีนและโรคติดเชื้อแห่งมหาวิทยาลัยซัสแคตเชวัน ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการหาลำดับไวรัสร่วมกับดร.วูโรบีย์ โพสต์ข้อความดังกล่าวลงบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 67)