BH บวก 3.29% เพิ่มขึ้น 8.00 บาท มาที่ 251.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 468.75 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.13 น. จากราคาเปิด 247.00 บาท ราคาสูงสุด 251.00 บาท ราคาต่ำสุด 244.00 บาท
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ 2Q67 โต single digits แม้ผลกระทบจากรอมฎอนลดลงเหลือ 9 วัน แต่ยังรับผลกระทบจากวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ โดยช่วงรอมฎอน ชาวตะวันออกกลางจะนิยมการถือศีลอดที่บ้านและชะลอการเข้ารับการรักษาออกไปก่อน ขณะปีนี้ ช่วงรอมฎอนเริ่มตั้งแต่เย็นวันที่ 10 มี.ค.67 – เย็นวันที่ 9 เม.ย.67 ผลกระทบส่วนใหญ่จากรอมฎอนจะอยู่ในงวด 1Q67 ถึง 21 วัน และงวด 2Q67 เพียง 9 วัน เทียบกับปี 66 ช่วงรอมฎอนเริ่มตั้งแต่เย็น 22 มี.ค.66 – เย็น 21 เม.ย.66 ผลกระทบของรอมฎอนในปีก่อน อยู่ใน 1Q66 เพียง 9 วัน และอยู่ในช่วง 2Q66 ถึง 21 วัน
อย่างไรก็ตามช่วง 2Q67 ถือเป็นช่วง low season โดยปีนี้ได้รับผลกระทบจากช่วงวันหยุดยาวเทศกาลมหาสงกรานต์ ทำให้ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ 2Q67 จะเติบโตในระดับ single digit เช่นเดียวกับ 1Q67 อย่างไรก็ดีผลบวกจากการปรับขึ้นราคาต้นก.ค.66 ราว 2% และต้นปีนี้อีก 4% บวกกับคาดว่าทั้งคนไข้ชาวไทย และชาวต่างชาติจะเข้ามารักษาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะชาวตะวันออกกลาง ที่มีผลกระทบรอมฎอนเหลือเพียง 9 วัน รวมถึงคนชาวจีน และยุโรป สะท้อนได้จากตัวเลขชาวต่างชาติที่เดินทางมาไทยในเม.ย.67 เพิ่มขึ้น 21% YoY
ขณะ 2 เดือนที่เหลือของ 2Q67 คาดจะเพิ่มขึ้น YoY ไม่ถึง 10% โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น YoY จากผลบวกของการปรับขึ้นราคาในช่วงที่ผ่านมา รวมถึง BH มีการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ที่ค่อนข้างดี เป็นผลให้คาดกำไร 2Q67 จะสามารถเติบโตได้เกิน 10% YoY
คาดช่วงที่เหลือของปีนี้ผู้ป่วยต่างชาติจะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ 2H67 แม้จะได้รับผลบวกจากการปรับขึ้นราคาเพียง 4% ภายใต้สมมติฐานไม่มีการปรับขึ้นราคาช่วงกลางปีเหมือนปีก่อน โดยในก.ค.67 จะเพิ่มจำนวนเตียง ICU อีก 12 เตียง ทำให้จำนวนเตียงเพิ่มขึ้นเป็น 519 เตียงจากจำนวนเฉลี่ยปีก่อนที่ 483 เตียง (ปีก่อนมีการปิดปรับปรุงห้องคนไข้ 1 วอร์ด) ทำให้สามารถรองรับผู้ป่วยในได้มากขึ้น อีกทั้งมีการเปิดให้บริการอาคารในซอยสุขุมวิท 1 รองรับผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ป่วยจากซาอุดิอาระเบียมีแนวโน้มเติบโตสูงมาก ส่วนใหญ่เป็น Medical Tourists ซึ่ง BH มีแผนตั้งสำนักงานตัวแทนในประเทศซาอุฯเร็ว ๆ นี้ ชดเชยผู้ป่วยจากคูเวตที่ลดลงจากการที่ภาครัฐเป็นผู้คัดเลือกรพ.สามารถรักษาคนไข้ที่ได้รับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลเอง
ขณะผู้ป่วยชาวตะวันออกกลางที่มารับการรักษามากสุดและมีอัตราการเติบโตที่สูงอยู่ คือ ผู้ป่วยจากกาตาร์ รองลงมาคือโอมาน ซึ่งส่วนใหญ่เข้ามารับการรักษาโรคที่เป็นเคสอาการรุนแรง และใช้เวลาในการรักษานาน อีกทั้งยังคาดผู้ป่วยจากประเทศจีนจะเติบโตที่ก้าวกระโดดในปีนี้ ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยผู้ป่วยจากจีน ส่วนใหญ่เข้ามาตรวจสุขภาพ และเวชศาสตร์ชะลอวัย รวมถึงศูนย์ IVF (เด็กหลอดแก้ว) เพื่อแก้ปัญหาการมีบุตรยาก
ขณะที่กำไรงวด 1Q67 ดีเกินคาด เติบโตถึง 25% YoY คิดเป็ น 26.2% ของประมาณการกำไรปีนี้ เป็นผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ และปีหน้าเฉลี่ยปี ละ 4.5% โดยกำไรสุทธิปีนี้ ภายใต้ประมาณการใหม่จะอยู่ที่ 7,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9% และคาดจะเติบโตต่อเนื่องอีก 8.3% ในปีหน้า ทั้งนี้ในปีหน้าจะมีจำนวนเตียงเพิ่มอีก 59 เตียงรองรับจำนวนผู้ป่วยในที่เพิ่มขึ้นได้ หลังอาคารที่ซอยสุขมวิท 1 เปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว
BH จัดเป็นรพ.ระดับพรีเมียมที่มีฐานลูกค้าต่างชาติแข็งแกร่งสุด และมีประสิทธิภาพในการทำกำไร สูงสุดโดยมี ROE ปี66 สูงสุดในกลุ่มรพ. คือสูงถึง 32.2% และยังเห็นการเติบโตต่อเนื่องได้ตามการเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติ ขณะที่ราคาเป้าหมายปีนี้อิงวิธี DCF อยู่ที่ 300 บาท ยังมี upside 23.5% ยืนยัน “ซื้อ”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 67)
Tags: BH, หุ้นโรงพยาบาล, หุ้นไทย, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์