DELTA บวก 1.79% โบรกเริ่มขยับปรับเป็นแนะ “ถือ” หลังเชียร์ “ขาย” ต่อเนื่อง

DELTA บวก 1.79% เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มาที่ 71.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 488.61 ล้านบาท เมื่อวเลา 11.13 น. จากราคาเปิด 70.50 บาท ราคาสูงสุด 71.50 บาท และราคาต่ำสุด 70.00 บาท

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ออกวิเคราะห์หุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) ประกาศกำไรสุทธิในไตรมาส 1/67 ที่ 4.3 พันล้านบาท (+19% yoy, -9% qoq) ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด โดยกำไรที่ต่ำกว่าคาดมาจากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าคาด และ SG&A-to-sales สูงกว่าคาด

อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ารายได้และอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นเล็กน้อย qoq ในไตรมาส 2/67 เนื่องจากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากการไม่มีรายการพิเศษจากการตีราคาต้นทุนวัตถุดิบใหม่ และสำรองสินค้าคงคลัง จึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ขาย” เป็น “ถือ” ให้ราคาเป้าหมาย 63.00 บาท

DELTA มีอัตรากำไรขั้นตันลดลงที่ 21.0% (ทรงตัว yoy -3.5ppt qoq) ฝ่ายบริหารให้ช้อมูลว่าได้รับแรงกดตันหลัก ๆ จาก 1) การตีราคาตันทุนวัตถุดิบใหม่ เนื่องจากราคาวัตถุดิบลดลงประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 1.5 ppt และ 2) การสำรองสินค้าคงคลังที่สูงสำหรับสินค้าสำเร็จรูป

อย่างไรก็ตาม ตันทุนนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและจะหายไปในไตรมาส 2/67 ในส่วนของ SG&A-to-sales เพิ่มขึ้นเป็น 9.5% (+2.6ppt yoy, +0.2ppt qoq) ซึ่งได้รับผลกระทบจากค่าลิขสิทธิ์และค่าบริการต้านเทคนิคประมาณ 920 ล้านบาท เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อยู่ในช่วงเริ่มตันของการพัฒนา บริษัทยังคงคาดว่าจะต้องรับภาระค่าบริการด้านเทคนิคนี้ในอีก 2 -3 ไตรมาสข้างหน้า

เราคาดว่า DELTA จะเติบโตเล็กน้อยในไตรมาส 2/67 รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย qoq รายได้น่าจะดีขึ้นจากธุรกิจ EV ในยุโรปและธุรกิจ data centre รายได้จากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น กลุ่มพัดลมและระบบจัดการความร้อน, โครงสร้างพื้นฐาน และระบบอัตโนมัติ คาดว่าจะยังคงชะลอตัว อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่มีการตีราคาต้นทุนวัตถุดิบใหม่และไม่มีการสำรองสินค้าคงคลัง และแนวโน้มที่ตีขึ้นของรายได้จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและการอ่อนค่าของเงินบาท

AI จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ รายได้จากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ mid-to-high single-digit ในปี 66 ขณะที่ในปี 67 ฝ่ายบริหารคาดว่าส่วนแบ่งรายได้นี้จะเพิ่มขึ้นเป็น double digits รวมถึงอัตรากำไรขั้นตันคาดว่าจะสูงในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการผลิตจำนวนมาก เมื่อพิจารณาถึงความเฟื่องฟูของ AI เราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มรายได้ของ DELTA ในอนาคตไต้อย่างมาก เนื่องจากบริษัทยังจัดหาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้กับผู้เล่นเทคโนโลยีรายใหญ่ด้วย

แผนค่าใช้จ่ายในการลงทุน (capex) และไทม์ไลน์ของโรงงานใหม่ DELTA ได้กำหนด capex จำนวน 350 ล้านตอลลาร์สหรัฐ ในปี 67 โดยมุ่งเนันที่การเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตอัจฉริยะ และการขยายกำลังการผลิตในสถานที่ต่างๆ เช่น ไทย, อินเต็ย และสโลวาเกีย ในประเทศไทย โรงงานที่ 3 และ 4 กำลังขยายกำลังการผลิตในระยะยาว และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 69

ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ขาย” เป็น “ถือ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 63.00 บาท อิง 38x 2024F PE และ +1SD ค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลัง 5 ปี เราให้ premium กับ DELTA มากกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่ม เนื่องมาจากผลิตภัณฑ์มีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะผลิตภัณที่เกี่ยวข้องกับ AI เราคาดกำไรในไตรมาส 1/67 เป็นจุดต่ำสุดและจะดีขึ้นใน 67

ทั้งนี้ เมื่อเดือน มิ.ย.66 หุ้น DELTA เคยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 119.50 บาท/หุ้นหลังจากการแตกพาร์เมื่อปีที่ผ่านมา ก่อนจะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ในตลาดหลายรายยังคงแนะนำ “ขาย” มาอย่างต่อเนื่อง เพราะมองว่าราคาหุ้นเกินมูลค่า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 67)

Tags: