สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทจีนลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 8 ปี เนื่องจากบริษัทชั้นนำของจีนดำเนินการสร้างโรงงานผลิตเพิ่มขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งช่วยลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าจีนมุ่งเน้นแต่การส่งออก
ข้อมูลระบุว่า บริษัทจีนได้ทุ่มเม็ดเงินการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (FDI) จำนวน 2.43 แสนล้านหยวน (3.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงไตรมาส 1/2567 (ม.ค.-มี.ค.) ซึ่งนับเป็นตัวเลขสูงสุดสำหรับไตรมาสแรกนับตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จีนจะปราบปรามการไหลออกของเงินทุน และเพิ่มขึ้นเกือบ 13% เมื่อเทียบรายปี
บริษัทจีนที่เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนนี้คือบริษัทในภาคอุตสาหกรรมที่จีนกำลังแซงหน้าคู่แข่งในประเทศอื่น ๆ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานแสงอาทิตย์ โดยการลงทุนเหล่านี้อาจช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางการค้า ผ่านการสร้างงานและส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจในตลาดต่างประเทศ แทนที่จะหนุนการส่งออกจนส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในท้องถิ่น
รายงานอีกฉบับที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้เปิดเผยว่า ยอดการลงทุนด้านการผลิตของจีนเพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าในปีที่ผ่านมา ด้วยมูลค่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเกือบ 2 เท่าของยอดรวมการลงทุนจากบริษัทสหรัฐ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
ทั้งนี้ บริษัทจีนได้ทุ่มเม็ดเงินเพื่อลงทุนด้านการแปรรูปวัตถุดิบหลัก เช่น เหมืองนิกเกิลและโรงถลุงแร่ในอินโดนีเซีย รวมถึงลงทุนในอุตสาหกรรมขั้นปลายน้ำเช่นกัน ขณะที่ ในสัปดาห์นี้ เชอรี่ ออโตโมบิล (Chery Automobile) กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์จีนรายล่าสุดที่ประกาศแผนตั้งโรงงานผลิตในไทย โดยมีเป้าหมายจะเริ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทยปีหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 เม.ย. 67)
Tags: การลงทุน, การส่งออก, จีน