ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า ปิดตลาดวันนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ปรับลง 28.94 จุด หรือลดลง 2.13% จากวานนี้ มาอยู่ที่ระดับ 1,332.08 จุด ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียและตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะบานปลาย หลังจากอิสราเอลได้โต้ตอบอิหร่าน ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ราคาทองคำและน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น
หากพิจารณาตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2567 ถึงสิ้นวันนี้ ณ 17.00 GMT+7 พบว่า ดัชนี VNINDEX ของเวียดนามลดลง 6.6% ดัชนี NIKKEI ของญี่ปุ่นลดลง 6.0% ดัชนี TWSE ของไต้หวันลดลง 5.9% ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงลดลง 5.1% ดัชนี SET Index ของไทยลดลง 4.6% ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ลดลง 4.3% ดัชนี PCOMP ของฟิลิปปินส์ลดลง 3.5% ดัชนี JCI ของอินโดนีเซียลดลง 2.7% ดัชนี NIFTY ของอินเดียลดลง 2.7% ดัชนี STI ของสิงคโปร์ลดลง 1.6% และ FBMKLCI ของมาเลเซีย ลดลง 0.4%
“ตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวลงตามตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ เนื่องจากความขัดแย้งรอบนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์ไทยปิดทำการ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาครับทราบข่าวไปแล้ว ดังนั้น เมื่อตลาดหลักทรัพย์เปิดซื้อขายหลังวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ จึงรับรู้ข่าวและปรับลดลงในทิศทางเดียวกันกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ประกอบกับยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยปรับตัวลดลง อาทิ การกำหนดวันจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ เป็นต้น”
ตลท.ระบุอีกว่า ผลกระทบทางตรงต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีไม่มาก โดยจากฐานข้อมูลการลงทุนและรายได้จากต่างประเทศ ของฝ่ายวิจัย ตลท.ที่รวบรวมจากแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปีและรายงานประจำปี (56-1 One Report) และจากหมายเหตุประกอบงบการเงิน ประจำปี 2565 พบว่า มีเพียงบริษัทเดียวที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่ามีบริษัทย่อยในอิสราเอลและบริษัทย่อยแห่งนี้มีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท หรือ ประมาณ 0.26% ของรายได้จากต่างประเทศรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่การเปิดเผยข้อมูลในปี 2565
และจากฐานข้อมูลการถือครองหุ้นรายสัญชาติชุดล่าสุด ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ของ ตลท.พบว่า นักลงทุนอิสราเอลและนักลงทุนอิหร่านมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวมกันในตลาดหุ้นไทยเพียง 141 ล้านบาท (อิสราเอล 117 ล้านบาท และอิหร่าน 24 ล้านบาท) ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง (Exposure) กับทั้ง 2 ประเทศนี้ค่อนข้างต่ำ สอดคล้องกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ที่คาดว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่มากนักหากไม่ขยายวงกว้าง
ส่วนผลกระทบทางอ้อมต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยอาจเกิดขึ้นจากความยืดเยื้อของความขัดแย้งระหว่างสองประเทศที่ส่งผ่านห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) อาทิ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบ ต้นทุนการขนส่ง เป็นต้น และความผันผวนในตลาดหุ้นไทยจากความกังวลของนักลงทุน
ตลท.ขอให้ผู้ลงทุนติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ วิเคราะห์รอบด้าน และใช้วิจารณญาณในการพิจารณาซื้อขายให้เหมาะสมกับสถานการณ์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 เม.ย. 67)
Tags: ตลาดหลักทรัพย์, ตลาดหุ้น