NEO ปิดเทรดวันแรก 46.25 บาท เพิ่มขึ้น 7.25 บาท หรือ +18.59% จากราคา IPO 39.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,518.20 ล้านบาท จากราคาเปิด 48.00 บาท ราคาสูงสุด 48.50 บาท ราคาต่ำสุด 42.75 บาท
นายสุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นีโอ คอร์ปอเรท (NEO) เปิดเผยว่า ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรก (9 เม.ย.67) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในหมวดอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค/ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อ ‘NEO’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ที่วางรากฐานอย่างแข็งแกร่ง การยกระดับเทคโนโลยีสมัยใหม่ขยายกำลังการผลิตภายในโรงงาน คลังวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ พร้อมกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ที่มีคุณภาพ มีเอกลักษณ์โดดเด่นเทียบเท่าระดับสากล จะช่วยสนับสนุนให้ NEO เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน
โดยบริษัทฯ มีเป้าหมาย “มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภค” เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลชีวิตประจำวันของทุกคนให้ได้รับความสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น เพื่อเป็นการยกระดับความสุขของผู้บริโภคให้ทุกวันดียิ่งขึ้น (Uplift The Essentials for Everyday Betterment)
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนขยายการลงทุนในปี 67-70 คาดว่าใช้เงินลงทุน 6,530 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการลงทุนขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products) ซึ่งรวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนสำหรับเด็ก เพิ่มกำลังการผลิต 163,200 ตันต่อปี โครงการขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (Personal Care Products) ซึ่งรวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลสำหรับเด็ก เพิ่มกำลังการผลิต 18,100 ตันต่อปี และโครงการขยายคลังวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ และระบบบริหารจัดการคลัง เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ 18,200 พาเลท โดยทั้งสามโครงการจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตรวมของบริษัทฯ เป็นประมาณ 416,082 ตันต่อปี และจำนวนพาเลทสำหรับคลังวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ เป็นประมาณ 29,620 พาเลท ในปี 70
นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ หัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า NEO เป็นผู้ทำการตลาด ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคชั้นนำของประเทศไทย ที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่โดดเด่นและแตกต่างสามารถตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคยังมีศักยภาพเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคใช้ในชีวิตประจำวันในทุกวัน ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มยกระดับวิถีชีวิตให้ดีขึ้นโดยการหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมมากขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการก้าวสู่สังคมเมือง (Urbanization) และวิถีชีวิตใหม่ด้านสุขอนามัยของผู้บริโภค มั่นใจว่าจะผลักดันให้ NEO สร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 เม.ย. 67)
Tags: NEO, นีโอ คอร์ปอเรท, สุทธิเดช ถกลศรี, หุ้นไทย