บมจ.มากุโระ กรุ๊ป (MAGURO) เปิดสาขาใหม่ของ MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่น วัตถุดิบพรีเมี่ยมที่ส่งตรงจากญี่ปุ่น คัดสรรจากแหล่งดีที่สุด พร้อมบรรยากาศภายในร้านแบบ Modern Luxury Fine Dining สร้างประการณ์ความเรียบหรู แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นตลอดการทานมื้ออาหารของคุณ ที่มาร์เช่ ทองหล่อ พร้อมยกทัพเมนู Signature ขายดีประจำร้านมาเสิร์ฟ ไม่ว่าจะเป็น 7 Oceans Sashimi, Salmon Engawa Roll, Shirauo Salad, Kaisen Don และอีกมากกว่า 200 เมนู พร้อม 10 เมนูพรีเมียมที่มีเสิร์ฟเฉพาะสาขานี้เท่านั้น
นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง MAGURO กล่าวว่า การเปิดสาขาใหม่ของ MAGURO ในครั้งนี้ เป็นไปตามตามกลยุทธ์ Strategic Channel Expansion หรือ กลยุทธ์การขยายช่องทางการขาย โดยในปี 66 ได้มีการขยายสาขาของ ทั้ง 3 แบรนด์ในเครืออย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตัว HITORI SHABU ที่สาขา มาร์เช่ เมื่อต้นปี 66 ที่ผ่านมาเช่นกัน
บริษัทเล็งเห็นว่าจุดนี้ถือเป็นหนึ่งในทำเลทองและสามารถเดินทางมาได้สะดวก เนื่องจากตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ของมากุโระที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่ม Young Family ชอบร้านอาหารที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ บรรยากาศดี ในราคาที่คุ้มค่า นอกจากนี้แฟนคลับร้านอาหารในเครือของเรายังสามารถเลือกรับประทานได้ถึง 2 แบรนด์ในที่เดียว ทั้งยังตอบโจทย์ด้านการขนส่งวัตถุดิบจากครัวกลางและการควบคุมมาตรฐานวัตถุดิบอีกด้วย
“MAGURO สาขามาร์เช่ ทองหล่อ ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 โซน A มีความพิเศษคือ มี 10 เมนูพรีเมี่ยมที่มีเสิร์ฟเฉพาะสาขานี้เท่านั้น จาก Nodoguro และ Kinmedai ซึ่งเป็นวัตถุดิบหายาก และจัดเป็นปลาเนื้อขาวคุณภาพสูง ที่นุ่ม หวานเป็นธรรมชาติ ส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น โดยเมนูพิเศษนี้จะเสิร์ฟให้รับประทานถึงแค่วันที่ 30 มิถุนายน 2567 เท่านั้น”
ปัจจุบันร้านอาหารในเครือของมากุโระ กรุ๊ปทั้ง 3 แบรนด์ ได้มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นรวมเป็น 26 สาขา คือ MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิที่มีการนำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 14 สาขา, SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างเกาหลีเพิ่มเป็น 6 สาขา และ HITORI SHABU ร้านชาบูชาบูและสุกี้ยากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซเพิ่มเป็น 6 สาขา โดยมีแผนตั้งเป้าจะขยายสาขาเพิ่มไปยังปริมณฑล ตอบรับแผนการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มตัวเลือกสาขาเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการเดินทางให้แก่กลุ่มลูกค้า
“ถึงแม้ว่าตลาดการแข่งขันของธุรกิจร้านอาหารยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ร้านอาหารในเครือของมากุโระ กรุ๊ปทั้ง 3 แบรนด์ ยังคงสามารถสร้างความโดดเด่น ด้วยความหลากหลายของประเภทอาหาร ทั้งรูปแบบ Fine Dining, ชาบู, สุกียากี้ และปิ้งย่าง รวมถึงคุณภาพของอาหาร ในราคาที่จับต้องได้ และยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากการปรับตัวที่ดีในเรื่องของแผนการตลาด และการขยายกิจการตามแผนที่วางไว้”
ด้านแผนการเข้าตลาดฯ ขณะนี้ทางบริษัทฯ อยู่ในขั้นตอนของการยื่นไฟลิ่ง เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา MAGURO มีรายได้รวม 767.72 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 58.73 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มี.ค. 67)
Tags: MAGURO, มากุโระ กรุ๊ป, หุ้นไทย, เอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง