XO ชูกลยุทธ์ Product Mix โฟกัสตลาดหลักดันกำไรโค้งแรกทะยาน All Time High

นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) เปิดเผยว่า แนวโน้มภาพรวมไตรมาส 1/67 สัญญาณดี กำไร All Time High จากปัจจุบันมีออเดอร์ที่รอส่งออกในโค้งแรกของปีประมาณ 700 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/66 ยอดขายอยู่ที่กว่า 800 ล้านบาท แต่ Product Mix บริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น เนื่องจากออเดอร์ส่วนใหญ่มาจากยอดขายในทวีปยุปโรปและทวีปอื่นๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตรากำไรอยู่ในระดับสูง เฉลี่ยประมาณ 47-48% เมื่อเทียบกับทวีปอเมริกาในปีที่ผ่านมามีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 42-43% และในปัจจุบันมีการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตซอสพริกศรีราชาเจ้าใหญ่อย่าง Huy Fong Foods กลับมาวางจำหน่ายสินค้าในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และล่าสุดเมื่อต้นปี 2567 มีการปรับลดราคาขายอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ตลาดอเมริกามีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรงในด้านราคาขาย และกำไรขั้นต้น (GP) จะเหลือน้อยลง

ทั้งนี้ XO ไม่กังวลจากปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากออเดอร์ในมือที่รอส่งมอบในไตรมาส 1/67 มียอดขายที่ประมาณ 700 ล้านบาทแล้ว และเป็นยอดขายที่มาจากทวีปอเมริกาน้อยมาก หรือยอดขายไม่ถึง 50 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อน XO มียอดขาย 699 ล้านบาท กำไรสุทธิ 248 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 48.17% และอัตรากำไรสุทธิ 35.19% เป็นไตรมาสที่มีกำไรดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ด้วยยอดขายที่มาจากทวีปอเมริกาประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นของอเมริกาต่ำสุด เมื่อเทียบกับทวีปอื่นๆ สะท้อนว่า XO กำลังเดินหน้าเติบโตใน Product Mix สินค้าที่มีกำไรดีขึ้น เป็นเหตุผลที่คาดว่า XO มีโอกาสทำกำไร All Time High ต่อเนื่องในปีนี้ได้

นอกจากนี้ ได้อานิสงส์ในด้านต้นทุนในการผลิต ราคาวัตถุดิบน้ำตาลในไตรมาสแรกของปีนี้เริ่มใช้ต้นทุนใหม่ ซึ่งเป็นต้นทุนที่ต่ำกว่าปีที่แล้ว ทำให้ XO ได้รับปัจจัยสนับสนุนผลงานลุ้นกำไรไต่ระดับขึ้นได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ดี แนวโน้มปี 67 XO คาดรายได้เติบโต 20% จากปีก่อน โดยตลาดหลักในยุโรปยังคงเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และการขยายไปยังทวีปอื่นๆ ต่อเนื่อง ขณะที่ทวีปอเมริการแม้ได้รับผลกระทบตลาดซอสมีปัญหาจากการแข่งขันทางด้านราคา แต่ปัจจุบัน บริษัทฯ สามารถขยายเข้าไปจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีการแข่งขันด้านราคาน้อยกว่า และเป็นช่องทางในการสร้างการรับรู้ในแบรนด์ต่อเนื่อง และคาดว่าในปีนี้จะขยายช่องทางโมเดิร์นเทรดเพิ่มเติมจาก 1,500 สาขา เป็น 3,000 สาขา

ขณะที่ภาพรวมอาหารไทยยังคงเป็นที่นิยมในตลาดโลก รับภาพรวมตลาดซอสไทยส่งออกยังเติบโตดีต่อเนื่อง หรือในปี 2566 มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่ง XO มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ประมาณ 10% อย่างไรก็ดี เทรนด์ตลาดโลก Global Spice Trend และ European Spice Trend พบกว่าลูกค้าส่วนใหญ่ชอบทาน Hot & Spicy Sauce มากขึ้น และชอบรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดมากขึ้น ประกอบกับ ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก อีกทั้ง กลยุทธ์การตลาด บุกช่องทางออนไลน์ และปีนี้คาดออกงานแสดงสินค้าราว 24 งาน สนับสนุนสินค้าของ XO ได้รับการตอบรับมากขึ้น โดยปัจจุบัน XO มีสินค้ามากกว่า 700 SKU ภายใต้มาตรฐานสากลรองรับ ทำให้สามารถบุกขยายตลาดในทวีปยุโรปและทวีปอื่นๆ เพิ่มเติมได้

สำหรับผลการดำเนินงานปี 66 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 785.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130.79% จากปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 340.16 ล้านบาท มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,521.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,066.43 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73.31% ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 66 บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้ากลุ่มทวีปยุโรป ประมาณ 63.8% ทวีปอเมริกา 22.9% ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย 6.7% ทวีปเอเชีย 5.7% และทวีปแอฟริกา 0.9% ในด้านการใช้อัตรากำลังการผลิต (Utilization Rate) ทะลุ 135% ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มี.ค. 67)

Tags: , , ,