คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มองว่าเศรษฐกิจไทยปี 67 ฟื้นตัวได้แต่ยังอ่อนแอ แม้ภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจ แต่ภาคการผลิตหดตัวต่อเนื่อง ทำให้การฟื้นตัวไม่ทั่วถึง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบต่อเนื่อง เป็นสัญญาณความอ่อนแอของเศรษฐกิจในประเทศ ถือเป็นสัญญาณที่ควรติดตาม นอกจากนี้ ปัญหาเชิงโครงสร้างของไทยทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว และสินค้าไทยหลายรายการ เริ่มไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
ขณะที่ภาคการส่งออกของไทย มีแนวโน้มขยายตัวประมาณ 2-3% ในปีนี้ ตามการฟื้นตัวของประเทศตลาดเกิดใหม่และวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม ยังเผชิญความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์หลายปัจจัย ทั้ง (1) การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลายประเทศ ซึ่งอาจเกิดการปรับเปลี่ยนทางนโยบายสำคัญ (2) ผลกระทบจากสงครามที่ขยายวง โดยเฉพาะอิสราเอล-ฮามาส ที่ส่งผลให้ค่าระวางเรือเพิ่ม และกระทบกับราคาพลังงาน และ (3) ปัญหาความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน และ (4) การแข่งขันกับสินค้าจีนในประเทศเพื่อนบ้าน
%YoY | ปี 2566 | ปี 2567 | ปี 2567 |
(ณ ธ.ค. 66) | (ณ ม.ค. 67) | (ณ ก.พ. 67) | |
GDP | 2.5 ถึง 3.0 | 2.8 ถึง 3.3 | 2.8 ถึง 3.3 |
ส่งออก | -1.0 | 2.0 ถึง 3.0 | 2.0 ถึง 3.0 |
เงินเฟ้อ | 1.2 | 0.7 ถึง 1.2 | 0.7 ถึง 1.2 |
หมายเหตุ: ประมาณการ GDP ปี 2567 ยังไม่รวมผลของมาตรการ Digital Wallet
*ข้อเสนอแนะภาครัฐ
กกร.สนับสนุนมาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพราะเล็งเห็นว่าจะช่วยแก้หนี้ให้กับประชาชนได้จริง แก้ได้ตรงจุดและยั่งยืน มีความต่อเนื่องในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 โดยภายใต้แนวทางมาตรการ Responsible Lending จะช่วยตั้งแต่ก่อนเป็นหนี้เสีย และระหว่างเป็นหนี้เสีย มุ่งเน้นความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากมีภาระหนี้สูงและรายได้ยังไม่ฟื้น ทำให้ไม่เพียงพอในการดำรงชีพ
โดยขอให้ ธปท.ติดตามประเมินผลกระทบของมาตรการการเข้าถึงสินเชื่อด้วย เนื่องจากบางส่วนมีความจำเป็นดำรงชีพและประกอบอาชีพ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ทางการเงิน สร้างวินัยทางการเงินที่ดี เป็นพื้นฐานสำคัญในการวางแผนจัดการการเงินที่เหมาะสม ใช้สินเชื่อเท่าที่จำเป็นและตรงวัตถุประสงค์ ไม่ก่อหนี้เกินตัว ซึ่งเป็นการแก้หนี้ครัวเรือนที่เป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ไทยจำเป็นต้องเร่งขจัดความแตกต่างทางรายได้ระหว่างกลุ่มต่างๆ รวมถึงลดขนาดเศรษฐกิจนอกระบบลง และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน โดยภาคธุรกิจจะต้องเร่งยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพ ตลอดจนส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรมกับธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและทั่วถึง
กกร. ยังมีความกังวลกับปัญหาสินค้าราคาถูกที่เข้ามาทุ่มตลาดทั้งในไทยและอาเซียน ทั้งจากสินค้าออนไลน์ (E-commerce) และการเข้ามาใช้ประโยชน์จาก Free Trade Zone เพื่อขายสินค้าในประเทศ รวมถึงการลักลอบนำเข้าสินค้าผ่านด่านศุลกากรโดยการสำแดงข้อมูลเท็จเพื่อเลี่ยงภาษี ทำให้สินค้าราคาถูก รวมถึงสินค้าที่ไม่มีมาตรฐานทะลักเข้ามา กระทบต่อยอดขายสินค้าของผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs ที่ไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนได้
ดังนั้น กกร. จึงเสนอขอให้ภาครัฐทบทวนข้อยกเว้นจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ไม่เกิน 1,500 บาท เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับผู้ประกอบการไทย ทบทวนนโยบายและเงื่อนไขในการใช้สิทธิประโยชน์ใน Free Trade Zone รวมทั้งการออกมาตรการปกป้องผู้ประกอบการในประเทศ เช่น การนำมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนตลาด (Anti-Circumvention: AC) มาบังคับใช้ การเพิ่มความเข้มงวดการตรวจจับสินค้าที่นำเข้าผ่านด่านศุลกากร และการเร่งออกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้ครอบคลุม เป็นต้น
ในประเด็นการท่องเที่ยว ที่แม้ในเดือน ม.ค.67 นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศกว่า 3 ล้านคน สร้างเม็ดเงินกว่า 1.7 แสนล้านบาท ทำให้เกิดแรงหนุนทางเศรษฐกิจผ่านการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว แต่ กกร.กังวลความหนาแน่นของจำนวนนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวบางพื้นที่ เช่น ภูเก็ต จึงเสนอให้ภาครัฐช่วยจัดระเบียบ ช่วยส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้เกิดการท่องเที่ยวตามเมืองรองต่างๆ เพื่อลดความหนาแน่นและช่วยกระจายรายได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งควรกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เกิดการใช้จ่ายต่อหัวให้มากขึ้น
กกร. ยังมีข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดจ้างงานก่อสร้างภาครัฐ ดังนี้
- ปรับแนวคิดในกฏหมาย จากการเน้นประโยชน์หน่วยงานของรัฐ ไปสู่ประโยชน์สาธารณะ
- ปรับการคำนวณราคาให้สะท้อนต้นทุนจริง
- ปรับแบบสัญญาจัดจ้าง โดยการขอแก้ไขกฏหมาย และแก้แบบสัญญา
- กำหนดเงื่อนไขการคัดเลือกผู้รับเหมา โดยเสนอแก้ไขกฏหมายที่กำหนดเงื่อนไขในการคัดเลือกผู้รับเหมาอย่างโปร่งใส
- สร้างกลไกปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนได้เสียอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ กกร. ได้มีข้อเสนอเพิ่มเติมเพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างภาครัฐ อาทิ เช่น การใช้ Local Content ภายในประเทศ หรือวัสดุที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Made in Thailand และเครื่องหมายรับรอง Green Product โดยจะมีการรวบรวมรายละเอียดและนำเสนอรัฐบาลให้พิจารณาต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.พ. 67)
Tags: กกร., เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจ, เศรษฐกิจไทย