KLINIQ หวังผลงานปี 67 ทำ All Time High ต่อเนื่อง ลุยเปิดสาขาใหม่เพิ่ม มุ่งสู่ “บิวติเวิร์ส”

นายอภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 67 เติบโต 30-40% จากปีก่อน จากการเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดสาขาใหม่จำนวน 15 สาขา และการดำเนินกลยุทธต่อยอดความสำเร็จจากธุรกิจหลัก ไปสู่ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง เพื่อเชื่อมโยง The Ecosystem อาทิ “KLINIQ SPA” ซึ่งเป็น เมดิคัล สปา หรือสปาทางการแพทย์เพื่อสุขภาพ ที่มีผู้เชี่ยวชาญให้การดูแลอย่างใกล้ชิด โดดเด่นด้วยการผสมผสานหลักกายภาพบำบัด (Physiotherapy) กับศาสตร์แห่งการผ่อนคลาย นำมาประยุกต์ให้มีความจำเพาะกับแต่ละปัญหา เพื่อช่วยลดความตึงเครียดและเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จึงทำให้เกิดการฟื้นฟูร่างกายในหลากหลายมิติ

รวมทั้งมีความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เปิดตัว “THE KLINIQUE-Stem Cell Harvesting Center” (TSHC) ศูนย์เก็บเซลล์ไขมันเพื่อฝากสเต็มเซลล์ที่มีมาตรฐานสากล ปลอดภัย จากนวัตกรรมซึ่งเป็นเทรนด์ของเทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตลาดมหาศาลจากเทรนด์ดูแลสุขภาพชะลอวัย

“ปี 67 แนวโน้มการเติบโตของ KLINIQ ยังคงดีต่อเนื่องจากปี 66 ที่มีผลการดำเนินงานที่ดีมากตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 66 ส่งผลให้ทั้งปีเป็นไปตามแผน สร้างผลประกอบการ All Time High ทั้งรายได้ กำไร เป็นผลจากกลยุทธ์การขยายสาขา และการต่อยอดธุรกิจใน Ecosystem เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ทั้งการขยายสาขาอย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมหัวเมืองใหญ่และกรุงเทพฯ ขณะที่ธุรกิจใหม่ทั้ง เมดิคัล สปา และศูนย์เก็บสเต็มเซลล์ ก็เป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาล เป็นเทรนด์ด้านการดูแลสุขภาพ การชะลอวัย

ทั้งนี้คาดหวังว่าปี 67 KLINIQ จะทำ All Time High ทำรายได้ กำไร อีกครั้ง ตามแผนการดำเนินธุรกิจ 5 ปี (66-70) ต้องการสร้างอาณาจักร “เดอะคลีนิกค์” ให้เป็น “จักรวาลความงาม” หรือบิวติเวิร์ส (Beauty+Universe) กลยุทธ์สานเป้าหมาย “บิวติเวิร์ส” บริษัทจะใช้เงินลงทุนราว 300 ล้านบาทต่อปี เปิดเดอะคลีนิกค์ไม่ต่ำกว่าปีละ 10 สาขา ส่งผลให้ภายในปี 70 มีคลินิกให้บริการแก่ลูกค้าทะลุ 100 สาขา” นายอภิรุจ กล่าว

สำหรับในปี 66 เดอะคลินิกค์ ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมความงามอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนผู้เข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในสัดส่วนเมื่อเทียบรายได้ การเติบโตของเดอะคลินิกค์ จากปี 65 มีรายได้ประมาณ 1,600 ล้านบาท แต่ปัจจุบัน ผ่านมา 9 เดือนมีรายได้ทะลุ 1,600 ล้านบาท ซึ่งเมื่อถึงสิ้นปี เดอะคลินิกค์ มีรายได้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,200 บาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 30-40% จากปีก่อน พร้อมเดินหน้าโตต่อเนื่องในปี 67 ในระดับ 30-40% เช่นเดียวกัน

การเติบโตดังกล่าวมาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้าและเป็นคลินิกเสริมความงามชั้นนำที่คนไข้ทั้งในและต่างประเทศกล่าวถึง จากการสร้าง Brand Awareness , เทคนิคการรักษาของทีมแพทย์ และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เดอะคลีนิกค์ขยายสาขาในปี 66 จำนวนถึง 15 สาขา

ปัจจุบัน เดอะคลีนิกค์ เรามีสาขาที่พร้อมให้บริการลูกค้าทั่วประเทศ ครอบคลุมตามหัวเมืองใหญ่ และในกรุงเทพฯ จำนวนทั้งสิ้นถึงสิ้นปีมี 55 สาขา โดย ณ วันที่ 30 ก.ย.66 บริษัทฯ มีจำนวนสาขาที่เปิดให้บริการทั้งสิ้น 50 สาขา จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีจำนวนสาขา 38 สาขา ประกอบด้วย THE KLINIQUE จำนวน 37 สาขา, L.A.B.X. จำนวน 11 สาขา, THE KLINIQUE SURGERY CENTER จำนวน 1 สาขา,KLINIQ SPA 1 สาขา

นายอภิรุจ กล่าวว่า กลยุทธ์การเติบโตของเดอะคลีนิกค์ ภายหลังเปิดดำเนินการกว่า 14 ปี เดอะคลีนิกค์ยังคงเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการยกกระชับปรับรูปหน้าและริ้วรอย ด้วยเทคโนโลยี Ulthera SPT+ นวัตกรรมการยกกระชับในแบบที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและชำนาญการด้านนี้โดยเฉพาะ และจากผลการตอบรับที่ดีจากลูกค้าหลังจากเข้ารับบริการว่าเห็นผลดี ทำให้มีการบอกต่อและมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการกับนวัตกรรม Ulthera SPT+ เพิ่มมากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.พ. 67)

Tags: , , ,