โบรกเกอร์ต่างเชียร์”ซื้อ”หุ้น บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) จากกำไรในไตรมาส 4/66 เติบโตแข็งแกร่ง ตามยอดขายร้าน 7-11 สินค้ากลุ่ม Ready To Eat & Drink เป็นจุดแข็งหลัก แม้การแข่งขันในธุรกิจร้านสะดวกซื้อรุนแรงขึ้น หลังจากมีผู้เล่นรายเดิมและรายใหม่เข้ามารุกตลาดเพิ่มขึ้น เช่น CJ, ร้านโดนใจ BJC แต่กำไรปี 66 ยังเติบโตกว่า 30%
ส่วนในปี 67 คาดกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง จากยอดขายเดิมร้าน 7-11 ยังขยายตัว และเปิดสาขาใหม่เพิ่ม อีกทั้งผลประกอบการ CPAXT และ Lotus’s ดีขึ้นเข้ามาช่วยเสริม
ขณะที่ ราคาหุ้น CPALL ยัง underperform กว่า SET ตอบะรับความไม่แน่นอนของโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” และ CPAXT ที่ยังอ่อนแอในช่วงที่ผ่านมา โดยปิดเที่ยงวันนี้ ราคาหุ้น CPALL อยู่ที่ 52.25 บาท ลดลง 1.50 บาท (2.79%) ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาราคาปรับลงไป 3.59% ขณะที่ดัชนี SET ลดลง 1.20%
น.ส.ธรีทิพย์ วงษ์แสงไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น CPALL ให้ราคาเป้าหมาย 76 บาท ปัจจัยระยะสั้น คาดผลประกอบการในไตรมาส 4/66 จะมีกำไรสุทธิ 4,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ รับผลบวกจาก บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) เติบโตได้ดี และยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของร้านสะดวกซื้อ เติบโตใกล้เคียงไตรมาส 3/66
แนวโน้มในปี 67 คาดการณ์ยอดขายสาขาเดิมของร้านสะดวกซื้อยังเติบโตต่อเนื่องได้ในทิศทางเชิงบวก และคาดว่ารายได้และกำไรของ CPAXT จะเติบโตมากกว่า 30% ส่งผลดีต่อ CPALL
ประเมินกำไรสุทธิปี 66 จะอยู่ที่ 17,500 ล้านบาท เติบโต +32.4% yoY และปี 67 คาดกำไรสุทธิ 20,900 ล้านบาท เติบโต 19%
สำหรับปีหน้า CPALL มีหุ้นกู้ครบกำหนดรวม 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป้นหุ้นกู้ที่มีต้นทุนการเงินสูง โดยบริษัทมีแผนรีไฟแนนซ์ น่าจะทำให้ต้นทุนการเงินดีกว่าเดิม และได้ไม่กังวลกับการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ เพราะ CPALL มีเครดิตเรทติ้งอยู่ในระดับที่ดี
อย่างไรก้ดี ราคาหุ้น CPALL อาจไม่ตอบรับปัจจัยพื้นฐานเท่าใดนัก แต่เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มค้าปลีกก็ยังแช็งแกร่งกว่าตัวอื่น โดยปัจจัยลบสำคัญคือความกังวลที่มีความไม่แน่นอนอนของโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต และยังไม่เห็นมาตรการกระตุ้นอย่างอื่นจากภาครัฐ
หาก ดิจิทัล วอลเล็ต เลื่อนจากกำหนดการเดิม หรือมีการปรับลดขนาดโครงการลง ก็จะส่งให้ Sentiment ไม่ค่อยดี ส่วนโครงการ Easy e-Receipt นั้น CPALL ก็ไม่ได้รับประโยชน์มากนัก เพราะมีจำนวนเงินใช้จ่ายในร้านแต่ละครั้งไม่ค่อยสูง ทำให้ราคาหุ้น CPALL ไม่ได้ไปไหนไกล
ร้านสะดวกซื้อแข่งเดือดแต่ 7-11 เหนือคู่แข่ง
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรปกติในไตรมาส 4/66 ของ CPALL คาดไว้ที่ 4.78 พันล้านบาท (+12.2% QoQ และ +64.6% YoY) ได้แรงหนุนจากทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่ไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษโบนัสพนักงาน และธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก (CPAXT) ปรับตัวดีขึ้นจากค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง
รายได้ในปี 66 คาดไว้ที่ 2.32 แสนล้านบาท (+5.4%QoQ+5.9%YoY) หนุนจาก 1) SSSG ทุกธุรกิจสามารถขยายตัวได้ โดยร้านสะดวกซื้อ (CVS) +3.5% YoY Makro+3.0% YoY และ Lotus’s+5.0% YoY 2)รายได้จากการเปิดสาขาใหม่ของ CVS ราว147 แห่ง ด้านอัตรากำไรขั้นต้นคาดอยู่ที่ 21.4% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 4/65 ที่ 21.6% จากสัดส่วนยอดขาย CPAXT เพิ่มสูงขึ้น
ส่วน SG&A/sales คาดอยู่ที่ 20% ลดลงจากไตรมาส 4/65 ที่ 20.3% เนื่องจาก CVS ไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษโบนัสพนักงาน และ Lotus’s ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นบวกกับได้ประโยชน์จากต้นทุนค่าไฟที่ลดลง ขณะที่ด้านดอกเบี้ยจ่ายลดลงเหลือ 4.0 พันล้านบาท (+0.5% QoQ และ -15.5% YoY)จากการปรับโครงสร้างหนี้ของ CPAXT
ผลประกอบการ 67 อยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท(+15.3% YoY) ได้แรงหนุนจาก 1)ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการใช้จ่ายต่อใบเสร็จที่สูงขึ้นรวมถึงการขยายสาขา 2)อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 3)รับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นของ CPAXT ตามการฟื้นตัวของธุรกิจและผลจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงในช่วงครึ่งแรกปี 67 ขณะที่ประเด็นการแข่งขันในธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่รุนแรงขึ้น จากการมีผู้เล่นรายเดิมและรายใหม่เข้ามารุกตลาดเพิ่มขึ้นเช่น CJ, ร้านโดนใจของBJC ทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงเช่นต้องทำการตลาดจัดโปรโมชั่นมากขึ้นซึ่งจะกระทบต่อกำไรของบริษัท
อย่างไรก็ตาม เรามองว่าประเด็นดังกล่าวไม่ได้กระทบต่อการดำเนินงานของร้าน 7-11 อย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากลูกค้าของ7-11 ส่วนใหญ่ 80% เน้นการซื้อสินค้า Ready To Eat & Drink และสินค้าประเภทนี้เป็นจุดแข็งของ 7-11 ยากที่คู่แข่งจะเข้ามาแข่งขันได้ รวมถึงร้านค้าของคู่แข่งจะเน้นเป็นการขายสินค้าอุปโภคมากกว่า
ราคาหุ้น CPALL นับตั้งแต่เดือน ต.ค.66 ติดลบ 9.5% Underperform SET Index ติดลบ 4.4% และกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลง ติดลบ 7.1% ส่วนหนึ่งถูกกดดันจากความกังวลผลการดำเนินงานของ CPAXT ฟื้นตัวช้า แต่เราคาดผลประกอบการของ CPAXT ไตรมาส 4/66 ฟื้นตัวแข็งแกร่งบวกกับผลการดำเนินงานของธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้กำไรไตรมาส 4/66 ของ CPALL คาดโตเด่นทั้ง QoQ และYoY และในแง่ Valuation ไม่แพง ซื้อขายบน PER ปี 67ที่ 25 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง5 ปีที่ -2S.D. คงคำแนะนำ “ซื้อ”ที่ราคาเหมาะสม 74.00 บาท
อัพเป้าปี 67
บล.บัวหลวง ระบุว่า ธุรกิจร้านสะดวกซื้อจะหนุนให้งบของ CPALL ในไตรมาส 4/66 แข็งแกร่ง คาดกำไรหลักไตรมาส 4/66 ที่ 4,756 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 64% YoY และ 12% QoQ บนสมมติฐานการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมอยู่ที่ 3% เราคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 218,505 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 7% ทั้งYoY และ QoQ หากไม่รวมการดำเนินงานของ makro และ Lotus’s
ธุรกิจ 7-Eleven เพียงอย่างเดียวน่าจะเห็นถึงการเติบโตของรายได้และกำไร YoY และ QoQ จากจำนวนลูกค้าที่มากขึ้นและปัจจัยทางฤดูกาล เราคาดจำนวนลูกค้าเฉลี่ยของ 7-Eleven จะมากกว่า 960 ราย/ร้าน/วัน (959 รายในไตรมาส 3/66 และ 926 รายในไตรมาส 4/65) สมมติฐานการใช้จ่ายต่อบิลเฉลี่ยของเราคือ 82 บาท (ทรงตัว YoY และ QoQ) เมื่อรวมประมาณการกำไรไตรมาส 4/66 เข้ากับตัวเลข 9 เดือนแรกของปี 66 และคาดการณ์ของ CPAXT ประมาณการกำไรหลักรวมปี 66 ของเราอยู่ที่ 17,701 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 33% YoY หนุนจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ 7-Eleven
การเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนยอดขายของสินค้าและต้นทุนที่ลดลง น่าจะหนุน EBIT margin ของ 7-Eleven เราคาดว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นของสินค้าพร้อมรับประทาน (RTE) และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลตัวเอง ซึ่งมีราคาสูงกว่า (เป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักท่องเที่ยว) และยอดขายบุหรี่ที่ลดลงจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น YoY ของ 7-Eleven นอกจากนี้ ค่าไฟต่อหน่วยที่ลดลง YoY อาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวขึ้นช้ากว่ารายได้ในไตรมาส 4/66 โดยรวม เราคาด EBIT margin ที่ 4.9% เพิ่มขึ้นYoY และ QoQ
แนวโน้มกำไรปี 67 ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าเราจะมีมุมมองที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายในกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ต่าถึงปานกลาง แต่เราเชื่อว่าการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมและการเติบโตของกำไรในปี 67 ของ CPALL มีความโดดเด่นในกลุ่มค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค เราคาดการเติบโตของรายได้รวมปี 67 อยู่ที่ 5% และการเติบโตของกำไรหลักอยู่ที่ 20% หนุนจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงสำหรับ CPAXT การฟื้นตัวของ Lotus’s การเติบโตของยอดขาย 7-Eleven ที่แข็งแกร่ง (เรามองว่ากการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมของ 7-Eleven อยู่ที่ 3%และมีสาขาใหม่เพิ่มขึ้น) และต้นทุนที่ลดลง (ต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยลดลง YoY และแม้ต้นทุนค่าแรงจะเพิ่มขึ้นแต่จะสามารถจัดการได้)ความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่น่าสนใจ
หลังจากปรับขึ้นประมาณการกำไรของเรา ราคาเป้าหมาย CPALL ณ สิ้นปี 67 อิงจากวิธีคิดลดกระแสเงินสดของเราเพิ่มขึ้นจาก 66 บาทไปเป็น 68 บาท ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PER ปี 67 ที่ 23.1 เท่า ซึ่งต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 31.2 เท่า นอกจากนี้สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในปัจจุบันอยู่ที่เพียง 39% (ระดับต่าสุดในรอบ 7 ปี)ดังนั้นเราจึงเห็นความเสี่ยงต่อราคาหุ้นจากการไหลออกของเงินทุนต่างชาติที่จำกัด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ม.ค. 67)
Tags: 7-11, Consensus, CPALL, SCOOP, ซีพี ออลล์, ร้านสะดวกซื้อ, หุ้นไทย