ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (11 ม.ค.) หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่สูงเกินคาดได้ทำลายความหวังที่ว่าธนาคารกลางรายใหญ่ทั่วโลกจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีนี้
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 472.77 จุด ลดลง 3.65 จุด หรือ -0.77%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,387.62 จุด ลดลง 38.46 จุด หรือ -0.52%
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,547.03 จุด ลดลง 142.78 จุด หรือ -0.86%
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,576.59 จุด ลดลง 75.17 จุด หรือ -0.98%
- ดัชนี STOXX 600 ปิดลดลง หลังปรับตัวขึ้นมากถึง 0.8% โดยลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งร่วงลง 1.9%
ตลาดถูกกดดันหลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจเร็วเกินไปที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ร่วงลง 1.4% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มบริการการเงินลดลง 1.2% และ 1.1% ตามลำดับ
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ของอังกฤษเปิดเผยยอดขายเพิ่มขึ้นเกินคาด 8.1% ในช่วงคริสต์มาส แต่ราคาหุ้นร่วงลง 5.2% เนื่องจากแรงขายทำกำไร
หุ้น WPP ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณาใหญ่ที่สุดของโลก ร่วง 4% หลังยูบีเอสปรับลดคำแนะนำลงทุนเป็น “ขาย”
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจในขณะนี้ไปที่การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ โดยธนาคารชั้นนำ อาทิ เจพีมอร์แกน, เวลส์ ฟาร์โกและแบงก์ ออฟ อเมริกา จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2566 ในวันศุกร์นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ม.ค. 67)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป