TRP กำเงิน 600-800 ล้านซุ่มดีลพันธมิตรเสริมแกร่งลุยหนัก “บำรุงผิว-เส้นผม-เวชศาสตร์ชะลอวัย”

นพ.คงศักดิ์ เตชะวิบูลย์ผล ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการ และกรรมการบริหาร บมจ.เอสเตติก คอนเนค (TRP) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมพร้อมรุกขยายบริการนอกเหนือจากศัลยกรรม ทั้งการบำรุงผิวพรรณ การดูแลเส้นผม และเวชศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งขณะนี้ยังมีฐานไม่กว้างมากนัก โดยคาดหวังการเติบโตมากกว่า 10-15% ในปีนี้ ด้วยการหาพันธมิตรมาส่งเสริมการเติบโต เนื่องจากบริษัทไม่ได้มีความชำนาญงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด คาดว่าจะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 ดีลภายในปีนี้ วางงบลงทุนไว้ราว 600-800 ล้านบาท

“หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน เราก็น่าจะได้พันธมิตรดีๆ ซึ่งโฟกัสในเรื่องของการทำธุรกิจด้วยกัน มากกว่าการรวมงบการเงิน (Consolidation) เป็นหลัก หรือถ้ามาอยู่ด้วยกัน อย่างน้อยบ้านเขาก็ต้องโต และบ้านเราก็ต้องโต ส่งเสริมธุรกิจต่อกัน เป็นประเด็นที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่อง Business model ก็คงต้องลงรายละเอียดอีกทีหลังพูดคุยกันจบ แต่คอนเซ็ปเราอยากทำภายใต้ความร่วมมือทางธุรกิจเป็นหลักเลย ซึ่งเราคงไม่เน้นปริมาณ เราเน้นคุณภาพ”

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 67 วางเป้ารายได้เติบโต 10-15% กลยุทธ์ธุรกิจหลัก คือ บริการศัลยกรรมความงามเฉพาะบนใบหน้า จะเน้นการส่งเสริมให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการหลักอย่างต่อเนื่อง และในส่วนของผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่าง ADVANCED Face-Lock และ TRP Programs จะมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ พร้อมต่อยอดกลุ่มลูกค้าเดิมให้มารับบริการเพิ่มมากขึ้น คาดหวังว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะเป็นตัวส่งเสริมการเติบโตในฝั่งของงานศัลยกรรมให้กับธีรพรคลินิกได้

บริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีการเติบโตของลูกค้าในฝั่งต่างประเทศมากขึ้น จากสัดส่วนเดิมที่มีต่างชาติ (ส่วนใหญ่เป็น CLMV) แค่ 15% ในปี 65 ไม่ว่าจะเข้าไปทำการตลาดมากขึ้น การหาพาร์ทเนอร์ หรือ Agency รายใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม รวมถึงการทำการตลาดแบบออฟไลน์ (offline) ผ่านการหาโอกาสในการเข้าไปโรดโชว์ในพื้นที่ต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อมกันกับลูกค้าในประเทศ

นพ.คงศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่มีความคืบหน้าไปแล้ว 15% ยังคงกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 4/67 เป้าหมายหลักอยากให้เป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมเฉพาะใบหน้าแห่งแรกในประเทศไทยและอาเซียน นอกเหนือจากนี้คือการรวบรวมหมอที่มีศัยภาพด้านใบหน้าให้มาอยู่ที่เดียว ทำให้บริษัทต้องการหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในส่วนของผิวพรรณ ผม เวชศาสตร์ชะลอวัย เป็นต้น เข้ามาร่วมทำธุรกิจไปด้วยกัน

เงินที่ได้จากการระดมทุน IPO ราว 1,300-1,400 ล้านบาท ปัจจุบันใช้คืนเงินกู้จากสถาบันการเงินไปแล้ว 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้รองรับการสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ดังกล่าว จำนวนไม่เกิน 50% และจะใช้ในการซื้อเครื่องมือแพทย์, ลงทุนด้าน IT ตลอดจนการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมกันทำธุรกิจ

พร้อมกันนี้มองผลกระทบจากเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ได้ส่งผลต่อกลุ่มงานศัลยกรรมมากนัก เนื่องจากยังมีดีมานด์ที่ดีอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มกลาง-บน รวมถึงในส่วนของ Cosmetic ด้วย อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลสนับสนุน หรือยกระดับศัลยกรรม ให้เป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ เหมือนกับประเทศเกาหลีใต้ ก็เชื่อว่าจะเป็นโอกาสในการดึงลูกค้าต่างประเทศเข้ามาในประเทศได้ในระดับหนึ่ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ม.ค. 67)

Tags: , ,