SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,574.06 จุด เพิ่มขึ้น 2.05 จุด (+0.13%) มูลค่าการซื้อขายราว 44,384 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบ ได้แรงประคองจากหุ้นกลุ่ม Defensive และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า รวมถึงหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลก็ฟื้นหลังปรับตัวลงไปทั้งสัปดาห์ แต่พยุงดัชนีฯได้ไม่มาก หลังเจอแรงกดดันจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดยหุ้น DELTA ที่กดดัชนีฯราว 7 จุด หลังถูกใช้เกณฑ์ Cash Balance ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวก-ลบคละกัน หลังอยู่ในช่วงประกาศงบฯ เช่นเดียวกับบ้านเราที่นอกจากรอดูงบฯแล้ว ยังรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดในประเทศด้วย ซึ่งสุดสัปดาห์จำนวนผู้ติดเชื้อมักเร่งตัวขึ้น ทำให้คนไม่กล้าถือ Position บ่ายตลาดฯคงแกว่งแคบ-ระวังแรงขายในช่วงท้ายตลาดฯด้วย พร้อมให้แนวรับ 1.560-1,565 แนวต้าน 1,575 จุด
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,574.06 จุด เพิ่มขึ้น 2.05 จุด (+0.13%) มูลค่าการซื้อขายราว 44,384 ล้านบาท
- การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,575.60 จุด และระดับต่ำสุด 1,567.17 จุด
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบ ซึ่งตลาดฯได้รับแรงประคองจากหุ้นจำพวก Defensive อย่างหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวขึ้นได้ดีในวันนี้ ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯปรับตัวลง และหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนก็ขึ้นมาดี รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ส่วนหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลก็เริ่มฟื้นตัวหลังจากที่ปรับตัวลงไปทั้งสัปดาห์ แต่ก็พยุงดัชนีฯได้ไม่มาก เนื่องจากตลาดฯได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดยหุ้น DELTA ซึ่งกดดันดัชนี SET ราว 7 จุด หลังจากที่ถูกใช้เกณฑ์ Cash Balance
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน ซึ่งต่างก็อยู่ในช่วงของการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เช่นเดียวกับตลาดบ้านเรา ที่นอกจากจะรอดูการประกาศงบฯแล้ว ยังรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศด้วย ซึ่งในช่วงสุดสัปดาห์จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศมักจะเร่งตัวขึ้นมา ทำให้คนไม่กล้าถือ Position ข้ามสัปดาห์ไป
ทั้งนี้ สัปดาห์หน้าให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ต่อไป และตัวเลขส่งออกของไทยเดือนมิ.ย. รวมถึงติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังแกว่งแคบ แต่ก็ให้ระวังแรงขายในช่วงท้ายตลาดด้วย ซึ่งคาดว่าตลาดในยุโรปเปิดเทรดในช่วงบ่ายนี้จะบวกได้หลังจากที่ปรับตัวลงลึกวานนี้ พร้อมให้แนวรับ 1.560-1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
GPSC มูลค่าการซื้อขาย 4,026.08 ล้านบาท ปิดที่ 81.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท
GUNKUL มูลค่าการซื้อขาย 3,280.23 ล้านบาท ปิดที่ 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.29 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,491.43 ล้านบาท ปิดที่ 14.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ACE มูลค่าการซื้อขาย 1,228.39 ล้านบาท ปิดที่ 4.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,053.14 ล้านบาท ปิดที่ 115.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ค. 64)
Tags: ณัฐพล คำถาเครือ, ตลาดหุ้น, หุ้นไทย