สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (4 ม.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ซบเซาในตลาด ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 51 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 72.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 66 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 77.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 10.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 237 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 215,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 10.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 125.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 588,000 บาร์เรล
การพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นสะท้อนให้เห็นถึงการชะลอตัวของอุปสงค์ และได้บดบังปัจจัยบวกจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.7 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในทะเลแดง โดยอิหร่านส่งเรือรบอัลบอร์ซเข้าสู่ทะเลแดง หลังจากกองทัพเรือสหรัฐได้ทำลายเรือ 3 ลำของกลุ่มกบฏฮูตี ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุน โดยความเคลื่อนไหวของอิหร่านมีแนวโน้มที่จะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในทะเลแดงทวีความรุนแรงมากขึ้น
ส่วนสถานการณ์ในตะวันออกกลางนั้น รายงานระบุว่าเกิดเหตุลอบวางระเบิดในพิธีรำลึกถึงการจากไปของนายพลกาเซม โซเลมานี อดีตผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมพิธีรำลึกในครั้งนี้เสียชีวิตจำนวนมากกว่า 100 ราย ขณะที่อิหร่านประกาศว่าจะล้างแค้นในเรื่องนี้ โดยนายพลโซเลมานีถูกสหรัฐใช้โดรนลอบสังหารเมื่อปี 2563
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ม.ค. 67)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน