นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway Down แนวเดียวกับตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่จากความกังวลโควิดสายพันธุ์เดลต้าระบาดหนัก-ราคาน้ำมันร่วง 2 วันซ้อน ส่วนบ้านเราเผชิญแรงกดดันจากสถานการณ์โควิดที่ยังควบคุมไม่ได้หวั่นขยายล็อกดาวน์ อีกทั้งวัคซีนก็ยังไม่แน่นอน พร้อมเล็งหุ้น DELTA กดดันตลาดฯหลังกลับมาโดนขังอีกรอบ ให้แนวรับ 1,565-1,560 แนวต้าน 1,580 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Down ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบ โดยเฉพาะอินเดียและฟิลิปปินส์ จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า และราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงแรง 2 วันติดต่อกันลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิดในประเทศก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมได้ จึงกังวลว่าอาจจะมีการขยายมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่ระบาดรุนแรงออกไป อีกทั้งการจัดการวัคซีนก็ยังมีความไม่แน่นอน นอกจากนั้น วานนี้ SET ขึ้นไปด้วยแรงหนุนจากหุ้น DELTA ที่มีผลต่อดัชนีราว 8 จุด แต่วันนี้หุ้น DELTA ถูกประกาศให้ใช้เกณฑ์มาตรการกำกับการซื้อขายระดัยที่ 2 ห้ามคำนวณวงการซื้อขาย และ Cash Balance จึงน่าจะมีผลกดดันตลาดฯด้วย
พร้อมกันนี้ วันนี้ต้องให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ), เงินเฟ้อเดือน มิ.ย.ของยุโรป และยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย.ของสหรัฐฯ ส่วนบ้านเราให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
พร้อมให้แนวรับ 1,565-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,987.02 จุด เพิ่มขึ้น 53.79 จุด (+ 0.15%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,360.03 จุด ลดลง 14.27 จุด (-0.33%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,543.13 จุด ลดลง 101.82 จุด (-0.70%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.06 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 239.83 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 23.71 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ก.ค.) 1,572.01 จุด เพิ่มขึ้น 2.31 จุด (+0.15%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,674 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ก.ค.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ก.ค.) ปิด 71.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ก.ค.) อยู่ที่ 2.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.70 อ่อนค่าตามทิศทางตลาด หลังดอลลาร์แข็งค่า ให้กรอบวันนี้ 32.65-32.80
- “สุพัฒนพงษ์” มั่นใจรัฐบาลรับมือโควิด ชี้ปีนี้ลงทุนฟื้นเท่าก่อนโควิด ยอดลงทุนครึ่งปีนี้ เกือบเท่าทั้งปี 63 ภาคเอกชนเห็นโอกาสลงทุนหลังมีวัคซีนเพิ่ม ชูแผน 4D ฟื้นเศรษฐกิจระยะยาว “กุลิศ” ดัน กฟผ.-ปตท.ลงทุนหนุนเศรษฐกิจ ส.อ.ท. แนะเตรียมประเทศให้พร้อมหลังวิกฤติ “ค้าปลีก” มั่นใจประเทศเข้มแข็งขึ้นหลังพ้นวิกฤติ ททท.ตั้งเป้าลุยทำตลาดแข่งต่างชาติ
- คลังผนึกแบงก์ชาติ สมาคมธนาคารรัฐ-เอกชนและนานาชาติ พักหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยลูกหนี้เอสเอ็มอีและรายย่อยใน 10 จังหวัดล็อกดาวน์ 2 เดือน หวังบรรเทาผลกระทบโควิด พร้อมเปิดแสดงความจำนง 19 ก.ค.นี้ ขณะที่ออมสินใจป้ำพักหนี้ยาว 6 เดือน
- “เวิลด์แบงก์” ชี้โควิดยืดเยื้อลากล็อกดาวน์ยาวทะลุไตรมาส 3/2564 ทุบจีดีพีปีนี้โตเหลือ 1.2% ห่วงสถานการณ์รุนแรง เชื้อดุ-กลายพันธุ์หวั่นรัฐคุมไม่อยู่ ทำระบาดรอบใหม่ปะทุ จี้เร่งจัดซื้อและกระจายวัคซีน ช่วยดันนโยบายเปิดประเทศ พร้อมหวังอานิสงส์ส่งออกโตกระฉูดช่วยประคองเศรษฐกิจ
- ททท.ผนึกกำลังพันธมิตรเปิดโครงการ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ เซล 2021 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว คาดเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ด้านคมนาคมฟุ้ง เปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 14 วันมีผู้โดยสารใช้สนามบินภูเก็ตเฉียด 7,000 คน
- นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ทำให้การส่งออกไทยเดือน พ.ค.ขยายตัวสูงสุดเกือบ 11 ปี และการค้าชายแดนก็ขยายตัวในอัตราสูงเช่นเดียวกัน ประกอบกับมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ เช่น โครงการลดราคาสินค้า คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ และการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดที่เพิ่มมากขึ้น
- นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาที่อยู่ที่อาศัยอยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลประจำไตรมาส 2 ปี 64 ปรับลดลงต่อเนื่อง โดยดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ เท่ากับ 127.8 ลดลง 0.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติดกัน ขณะที่ดัชนีราคาคอนโดมิเนียมเท่ากับ 152 ลดลง 0.8% ต่อเนื่องกันเป็นไตรมาสที่ 3
- CPALL (เอเชีย เวลท์)”ซื้อ” เป้า 67 บาท มองว่าการกระจายวัคซีนเพิ่มขึ้นหนุนผลประกอบการ 2H64 ฟื้นตัว ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิ Q2/64 ลดลง YoY และ QoQ อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ แต่ภาระดอกเบี้ยจ่ายปรับเพิ่มขึ้น พร้อมคาดว่ากำไรสุทธิปี 2564 จะหดตัว 26%YoY และฟื้นตัว 33%YoY ในปี 2565
- OSP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 40 บาท คาดกำไร Q2/64 เติบโต yoy และ qoq โดยมีปัจจัยหนุนมาจากกลับมาเปิดเตาหลอมแก้วช่วยลดต้นทุนหนุน GPM, ยอดขาย CLMV กลับมาฟื้นตัว และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มผสมวิตามินของ ร.พ. ยันฮี
- LANNA (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร”เป้า IAA Consensus 24.50 บาท ราคาถ่านหิน NEX วานนี้ปรับตัวขึ้นต่ออีก US$1.5 หรือ +1% จากวันก่อน ปิดที่ระดับ US$146/ton สูงสุดในรอบ 12 ปี เป็นผลความต้องการใช้ที่สูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิดในหลายประเทศเริ่มคลี่คลาย ทำให้มีความต้องการนำเข้าจากทั้งจีน อินเดีย เวียดนาม ไต้หวัน เกาหลี โดยเฉพาะจีน อุปทานภายในประเทศตึงตัวจากมาตรการด้านความปลอดภัยและการห้ามนำเข้าถ่านหินจากออสเตรเลีย ส่งผลให้ต้องหันไปนำเข้าจากแหล่งอื่น เช่น อินโดนีเซีย จะทำให้ราคาถ่านหินยืนในระดับสูงได้ต่อเนื่องส่งผลบวกต่อผู้ที่มีแหล่งผลิตในอินโดนีเซียอย่าง LANNA
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ค. 64)
Tags: SET, SET Index, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล