นาย Leon Chow ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (KEX) กล่าวว่า บริษัทคาด EBIT จะเติบโตขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้และพลิกเป็นบวกในปี 67 หลังจากการปรับปรุงกลยุทธ์ในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นการรุกตลาดใหม่ ปรับปรุงเครือข่ายการกระจายสินค้า รวมทั้งนำกระบวนการทำงานจาก SF Express มมมาปรับใช้ให่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
กลยุทธ์ในการพลิกกลับมาเป็นกำไร ประกอบด้วย โดยมุ่งเน้นการขยายสัดส่วนรายได้จากลุ่มผู้ใช้บริการ C2C ระดับกลางถึงสูง เนื่องจากมีการใช้จ่ายมากกว่ากลุ่มผู้ใช้บริการ E-commerce และพบว่ามีความต้องใช้บริการขนส่งสูง โดยบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ของกลุ่มลูกค้า C2C ไม่ต่ำกว่า 60% ในปี 67 จากงวด 9 เดือนปี 66 มีสัดส่วนอยู่ที่ 44% และจะเพิ่มเป็น 80% ตามกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท
ขณะที่บริษัทมีแผนในการปรับปรุงระบบหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังนำระบบการดำเนินงานของ SF Express มาปรับใช้ทั้งหมด อาทิการบริหารวางแผนการจัดส่งและตรวจสอบพัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถประมาณการจำนวนพัสดุแยกตามพื้นที่ได้ตั้งแต่ระดับพื้นที่เล็ก ไปจนถึงระดับจังหวัด
และบริษัทได้ปรับปรุงจุดให้บริการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยปิดจุดบริการที่ผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพ ซึ่งจากแผนดังกล่าวทำให้บริษัทมีจุดให้บริการราว 14,000 แห่งครอบคลุมพื้นที่ในประเทศทั้งหมด รองรับแนวโน้มการเติบโตของลูกค้า C2C ซึ่งการปรับเปลี่ยนรูปแบบสาขาทำให้ขั้นตอนการดำเนินงานอลัการบริหารต้นทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีจาก SF Express มาปรับใช้ในการขนส่งพัสดุ ทำให้การขนส่งพัสดุโดยรถกระบะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ชิ้นต่อคนต่อวัน ขณะที่รถมอเตอร์ไซด์เพิ่มขึ้นเป็น 150 ชิ้นต่อคนต่อวัน โดยประสิทธิภาพดำเนินงานเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากช่วงก่อนหน้า
รวมทั้งการปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย และลดการสูญเสียโดยไม่จำเป็นให้น้อยที่สุด ผ่ายการแต่งตั้งให้แต่ละหน่วยงานมีการดำเนินงานแยกเป็นของตนเอง ทั้งนี้อีก 18 เดือนข้างหน้าบริษัทวางงบลงทุนมากกว่า 1 พันล้านบาทโดยใช้ในการปรับปรุงศูนย์คัดแยกสินค้าของบริษัททั้งหมด 77 ศูนย์ ปรับจำนวนศูนย์ให้ลดลงเพียง 14 ศูนย์ที่มีประสิทธิภาพสูง และติดตั้งระบบคัดแยกอัตโนมัติในศูนย์คัดแยกทั้งหมด 7 แห่ง
สำหรับราคาน้ำมันดิบที่มีความผันผวน บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลในไทยยังอยู่ในระดับต่ำ จากมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด ซึ่งในอนาคตหากราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มมากกว่า 32 บาทต่อลิตร บริษัทอาจจำเป็นต้องเก็บค่าน้ำมันเพิ่มกับลูกค้าอีกครั้ง
ในไตรมาส 3/66 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิส่วนของผู้เป็นเจ้าของบริษัทที่ 889.9 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 31.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขาดทุนลดลง 15.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากกลยุทธ์ในการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการปรับปรุงเครือข่ายการดำเนินงาน ขณะที่ในไตรมาส 3/66 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 2,896.6 ล้านบาท ลดลง 31.3% YoY เป็นไปตามปริมาณการจัดส่งพัสดุที่ลดลง แต่บริษัทยังสามารถรักษาสัดส่วนรายได้จากผู้ใช้บริการ C2C ที่ 45% แม้จะมีการปิดจุดให้บริการที่ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยทดแทนได้ด้วยปริมาณการจัดส่งที่เพิ่มขึ้นในสาขาที่มีประสิทธิภาพ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ย. 66)
Tags: KEX, หุ้นไทย, เคอรี่ เอ็กซ์เพรส