นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ จากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเมื่อวานนี้ จึงไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐ และนักลงทุนยังกังวลเรื่องชอร์ตเซลและโปรแกรมเทรดดิ้ง เห็นได้จากวอลุ่มซื้อขายวานนี้ยังไม่มากทั้งที่มีแรงขาย AOT หนักกว่าหมื่นล้าน ให้แนวรับที่ 1,400 จุด แนวต้านที่ 1,415 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,425 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล,CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งตัวไซด์เวย์ ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา โดยตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการวานนี้ (23 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving day) ทำให้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐ
ส่วนหุ้นยุโรปขยับขึ้นเล็กน้อย หลังจากตัวเลข PMI ในเดือนพ.ย.ออกมาดีกว่าตลาดคาด อย่างไรก็ดี ยุโรปยังอยู่ภาวะเศรษฐกิจหดตัว ทำให้คาดว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะแกว่งไซด์ทั้งแดนบวกและแดนลบ แต่คาดยืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงมีความกังวลกรณีธุรกรรมชอร์ตเซลและโปรแกรมเทรดดิ้ง เห็นได้จากวานนี้วอลุ่มซื้อขายน้อย ทั้งที่มีแรงขายหุ้น AOT ถึงกว่า 1 หมื่นล้านบาท สูงกว่า 30% ของวอลุ่มทั้งหมดที่มีเพียง 4 หมื่นล้านบาท สะท้อนนักลงทุนไม่มั่นใจตลาด ส่วนหุ้น AOT วันนี้คงไม่ลงไปแรงแล้วแต่ก็ไม่น่าจะปรับขึ้นเร็วคาดว่ายังทรงตัว
ให้แนวรับที่ 1,400 จุด แนวต้านที่ 1,415 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,425 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 23 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 33,752.05 จุด เพิ่มขึ้น 300.22 จุด หรือ +0.90% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดที่ระดับ 17,771.75 จุด ลดลง 139.09 จุด หรือ -0.78% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดที่ระดับ 3,060.33 จุด ลดลง 1.53 จุด หรือ -0.05%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 พ.ย.66) ที่ 1,406.61 จุด ลดลง 7.54 จุด (-0.53%) มูลค่าการซื้อขาย 40,407.66ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,720.87 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 พ.ย.66.
– ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 23 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 พ.ย.66) อยู่ที่ 5.38 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 35.30 แนวโน้มอ่อนค่า ลุ้นทดสอบ 35.50 จับตาตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่น
– “ปลัดคลัง” ชี้เศรษฐกิจไทย ต้องก้าวข้าม 5 ความท้าทายหลักทั้งจีดีพีไทย ขยายตัวลดต่อเนื่อง 20 ปี โตเฉลี่ย 3.2% ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์สังคมสูงวัย ปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่อยู่ระดับสูง การลงทุนที่ลดลงยันเสถียรภาพ การเงิน-การคลัง ยังแกร่งหนุนลงทุนอุตสาหกรรมใหม่สร้างจีดีพีโตยั่งยืน
– นายกฯ กล่าวปาฐกถาว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ดี มีการพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก ขณะที่นักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยกว่าเป้าหมาย รวมถึงให้ความสำคัญการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และการจัดการหนี้ครัวเรือน และนโยบายดิจิตัลวอลเล็ตที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจ
– สอท.เผยยอดส่งออกรถยนต์เดือน ต.ค.ทะลุ 1 แสนคัน คาดทั้งปีมีลุ้นทะลุ 1.1 ล้านคัน แต่ยอดขายในประเทศ 10 เดือนแรกวูบ 7.5%
– “สรท.” ฟันธง! ส่งออกไทยพ้นจุดต่ำสุดแล้ว ลุ้นปี 2567 พลิกโตบวกที่ 1-2% ด้าน “ส.อ.ท.” ฟุ้งยอดส่งออกรถเดือน ต.ค.ทะลุ 1 แสนคัน อานิสงส์ประเทศคู่ค้าโต ลุ้นดันยอดผลิตทั้งปีทะลุเป้า 1.1 ล้านคัน กางยอดส่งออกอาหาร 9 เดือน โกยรายได้ 1.16 ล้านล้านบาท
– ม.หอการค้าไทย ชี้ผลสำรวจพบเงินสะพัดลอยกระทงปีนี้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท แตะหมื่นล้านครั้งแรกรอบ 8 ปี ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เพราะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อ ช่วยคนยากจน แต่มีคนไม่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ เพราะไม่อยากให้รัฐกู้เงินมาใช้จ่าย ส่งต่อหนี้สู่ลูกหลาน
– ผู้ว่าการ ธปท.ชี้เศรษฐกิจไทยต้องปรับตัวรับอนาคต “โตแบบยืดหยุ่นรับแรงกระแทกจากวิกฤติได้” ขณะที่ ธปท.ดูแลระบบการเงินตามความเสี่ยง ไม่เข้มจนเกินเหตุ เดินหน้ารุก 3 แนวรุกระบบการเงินไทย เพิ่มการใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัล ลดเงินสดเพิ่มผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อธุรกิจยั่งยืน เพิ่มฐานข้อมูลกลางขอสินเชื่อ
หุ้นเด่นวันนี้
– ORI (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 13.20 บาท หุ้น SET100 ที่น่าจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนลดหย่อนภาษี TESG เดือนหน้า ซึ่งบริษัทได้รับ SET ESG Rating ปี 2566 ระดับ AA เราคาดว่าบริษัททำกำไรไตรมาส 4/66 เพิ่มเติมได้อีกจากไตรมาส 3/66 จะทำให้กำไรปี 66 สูงขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ จากโครงการใหม่ 12 แห่ง มูลค่า 1.51 หมื่นลบ. และคอนโดสร้างเสร็จใหม่อีก 4 แห่งจะเริ่มโอน รวมถึงโครงการแนวราบ 6 แห่งพร้อมโอน อีกทั้งยังแผนการเสนอขายหุ้น ONEO (One Origin)
– WHA (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 5.40 บาท ยังเกาะกระแสภาคเอกชนรายใหญ่จากสหรัฐ อาทิ Google และ Microsoft จะเข้ามาสร้าง Data Center ในไทย โดยเฉพาะ Microsoft คาดว่าจะใช้ที่ดินประมาณ 400-500 ไร่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับ WHA
– BBIK (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 123.00 บาท Earning Momentum ดูเลิศคาดกำไรหลักโตแกร่งใน Q4/66 (+107% YoY,+4% QoQ) และปี 67 (+38% YoY) จากกลับมาชนะประมูลโครงการต่างๆใน ต.ค.66 เพิ่ม Backlog ใน Q4/66 และ Q1/67 ด้านประสิทธิภาพพนักงานสูงขึ้นและอัตราภาษีที่ลดลงหนุนผลงาน ด้วย P/E ปี 66 ที่ 37x และการเติบโตของกำไรหลักต่อหุ้นในปี 66-68 ที่ 39% CAGR มีอัตราส่วน PEG ที่ 0.9 เท่า ต่ำสุดของกลุ่มเทคฯในไทย อีก 4 รายมีอัตราส่วน PEG เฉลี่ย 2.3 เท่า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 66)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย