นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) กล่าวว่า AOT จะปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charges: PSC) สำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โดยปรับจาก 700 บาทต่อคน เป็น 730 บาทต่อคน และค่า PSC สำหรับผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ปรับจาก 100 บาทต่อคน เป็น 130 บาทต่อคน โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป
เนื่องจาก ปัจจุบันการให้บริการระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing Systems: CUPPS) ประกอบด้วย (1) บริการตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Terminal Equipment: CUTE) ที่เข้ามาช่วยยกระดับการให้บริการของเคาน์เตอร์เช็กอินเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับการบริการบนมาตรฐานเดียวกันกับท่าอากาศยานระดับสากล (2) บริการเช็กอินด้วยตัวเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service: CUSS) เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารไม่ต้องรอแถวเช็กอิน อีกทั้งยังสามารถเช็กอินล่วงหน้าเป็นเวลา 6-12 ชั่วโมงก่อนเดินทาง (ตามเงื่อนไขของแต่ละสายการบิน) และ (3) บริการรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop: CUBD) สำหรับให้ผู้โดยสารสามารถโหลดสัมภาระได้ด้วยตนเอง ซึ่งการนำระบบ CUPPS มาให้บริการส่งผลให้มีต้นทุนอัตราค่าบริการที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ AOT ได้นำระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing Systems: CUPPS) มาให้บริการ ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ AOT ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว ความปลอดภัยในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับมติที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน ครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ที่ได้กำหนดนโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศในการนำเทคโนโลยีระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (CUPPS) มาใช้ในสนามบินที่ให้บริการแก่สาธารณะ เพื่อพัฒนาการดำเนินการสนามบินสาธารณะให้มีความทันสมัย มีศักยภาพเทียบเท่าระดับสากล
นายกีรติ กล่าวว่า ในกระบวนการพิจารณาการปรับปรุงค่า PSC ดังกล่าว AOT ได้เสนอสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เพื่อขออนุมัติหลักเกณฑ์เกี่ยวกับแนวทางการเรียกเก็บค่าบริการระบบ CUPPS ซึ่ง กพท.ได้มีการพิจารณาแล้วเห็นว่า การจะเรียกเก็บค่าบริการจากผู้โดยสารซึ่งเป็นผู้ใช้บริการระบบ CUPPS
อีกทั้งค่าบริการดังกล่าวเป็นค่าบริการที่เกี่ยวกับการบิน (Aeronautical charges) ดังนั้น AOT จึงควรนำค่าบริการ CUPPS มาคำนวณรวมเป็นต้นทุนส่วนหนึ่งของค่า PSC ตามมาตรา 56 (1) แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศฯ เพื่อให้ถูกต้องตามประเภทของค่าบริการและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในบริการต่างๆ ที่สนามบินจัดทำขึ้น เพื่อเรียกเก็บค่าบริการจากผู้โดยสารเพื่อประโยชน์ของผู้โดยสาร เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกในสนามบินสำหรับผู้โดยสารตามความในมาตรา 60/37 ซึ่งเป็นเจตนารมณ์สำคัญในการที่ผู้ดำเนินงานสนามบินอนุญาตที่ให้บริการแก่สาธารณะสามารถเรียกเก็บค่า PSC ได้ โดยอัตราค่า PSC ที่ปรับเพิ่มดังกล่าวได้รับการอนุมัติจาก รมว.คมนาคมแล้ว
นายกีรติ กล่าวว่า รายได้ค่า PSC กฎหมายได้กำหนดให้ผู้บริหารท่าอากาศยานนำไปใช้ในการพัฒนาท่าอากาศยาน จัดหาและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และการบำรุงรักษาด้านความปลอดภัยท่าอากาศยานให้เป็นไปตามมาตรฐานของท่าอากาศยานในระดับสากล รวมทั้งการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในท่าอากาศยานทุกแห่ง ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อผู้โดยสารให้ได้รับความปลอดภัย และความสะดวกสบายจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จัดไว้รองรับ ทั้งนี้ การพัฒนาของท่าอากาศยานจะช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ซึ่ง AOT มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานต่างๆ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจเคียงข้างสังคมไทยและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 66)
Tags: AOT, กีรติ กิจมานะวัฒน์, ท่าอากาศยานไทย, ผู้โดยสารระหว่างประเทศ