สำนักข่าวไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า เจ้าหน้าที่จากชาติตะวันตกและข้อมูลการส่งออกของรัสเซียเผยให้เห็นว่า การกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งนำโดยสหรัฐ ถูกหลีกเลี่ยงเกือบทั้งหมด ส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ ต้องคิดหาหนทางใหม่ในการเสริมแกร่งมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย
เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลยุโรปรายหนึ่งกล่าวว่า แทบจะไม่มีการขนส่งน้ำมันดิบในราคาต่ำกว่าเพดาน 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนต.ค. ตามที่กลุ่ม G7 และชาติพันธมิตรพยายามกำหนด
“ข้อมูลล่าสุดส่งสัญญาณว่า เราจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดขึ้น ไม่ควรปล่อยให้รัสเซียทำเช่นนี้ต่อไป” เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวระบุ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (EU) ได้หารือกันเกี่ยวกับการคุมเข้มมาตรการกำหนดเพดานราคา ซึ่งรวมถึงทางเลือกอื่น ๆ ในการส่งเสริมการบังคับใช้หรือการจำกัดการเข้าถึงตลาดเรือบรรทุกน้ำมันเก่าของรัสเซีย
รายงานระบุว่า ความกังวลของเจ้าหน้าที่จากชาติตะวันตกยิ่งถูกตอกย้ำจากข้อมูลสถิติการจำหน่ายน้ำมันของรัสเซียในเดือนต.ค. ซึ่งระบุว่า ราคาเฉลี่ยที่ได้รับนั้นสูงกว่า 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ข้อมูลสถิติทางเศรษฐกิจของรัสเซียจะยังคงน่ากังขาในช่วงสงคราม แต่ระดับที่บันทึกไว้นี้คือสิ่งที่รัสเซียใช้ในการคำนวณภาษีที่ต้องเรียกเก็บจากการส่งออกน้ำมัน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันรัสเซียที่พุ่งสูงขึ้นสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความพยายามของกลุ่ม G7 ในการจำกัดการไหลเข้าของเงินทุนในรัสเซียเพื่อสนับสนุนการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ และมีขึ้นในขณะที่ยูเครนมีความคืบหน้าในการโต้กลับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ย. 66)
Tags: การส่งออก, ยุโรป, รัสเซีย, ราคาน้ำมัน, สหรัฐ, เศรษฐกิจ