CHG ร่วง 8.39% หรือลดลง 0.26 บาท มาที่ 2.84 บาท มูลค่าซื้อขาย 131.44 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.25 น. จากราคาเปิด 3.02 บาท ราคาสูงสุด 3.04 บาท ราคาต่ำสุด 2.78 บาท
โดยราคาปรับตัวลงต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 พ.ย.)ปรับลงมา 4.91% หรือลดลง 0.16 บาทมาปิดที่ 3.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 90.76 ล้านบาท
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพยและตลาดหลักทรัพย์ ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับบุคคล 3 ราย ได้แก่ นายแพทย์กำพล พลัสสินทร์, นายกฤษณ์ พลัสสินทร์ และน.ส.กุลภา พลัสสินทร์ กรณีซื้อหุ้นบมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) โดยอาศัยข้อมูลภายใน เมื่อวันที่ 10 พ.ย.66 หลังจากนั้น นายแพทย์กำพล ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และกรรมการบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.66
บล.กรุงศรี พัฒนสิน มองเป็น Negative sentiment ต่อหุ้น CHG ในระยะสั้น เนื่องจากข่าวดังกล่าวส่งผลลบต่อภาพลักษณ์บริษัท แต่มองว่าไม่กระทบปัจจัยพื้นฐานบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก 1) การบริหารงานของกลุ่ม CHG กำกับโดยคณะกรรมการบริหาร และมีผู้อำนวยการ รพ. แต่ละแห่งรับผิดชอบโดยตรง และ 2) โครงสร้างการเงินของ CHG มีเงินกู้ธนาคารราว 806 ลบ. ไม่มีหุ้นกู้ ทำให้จะไม่กระทบต้นทุนทางการเงินของบริษัท เพราะธนาคารจะพิจารณาที่ฐานะการเงิน, ผลการดำเนินงานบริษัท และคุณภาพหลักประกัน
แนะนำ “ซื้อ” หุ้น CHG (TP24F 4.00 บาท) วิธี DCF WACC 7.7% L-T growth 3% คิดเป็น imply PE ปี 24F ที่ 31 เท่า เนื่องจากมองว่า CHG มีความน่าสนใจ 1) การขยายศักยภาพให้บริการทางการแพทย์ ช่วยเพิ่มโอกาสขยายฐานลูกค้า และ Intensity ค่ารักษาในระยะยาว 2) คาดกำไรสุทธิปี 67 (+24%y-y) กลับมาเติบโตเป็นปีแรก ตามทิศทางรายได้ และเริ่มเห็นอัตรากำไรฟื้นตัวจาก Economies of scale ของการใช้บริการ และมี Intensity ค่ารักษาเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ราคาหุ้น CHG เมื่อวันศุกร์ 10 พ.ย. ปรับตัวลง -5% มากสุดเมื่อเทียบกับกลุ่ม รพ.ที่ศึกษา เรามองว่าตอบรับข่าวลบดังกล่าวไปแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 66)
Tags: CHG, หุ้นไทย, โรงพยาบาลจุฬารัตน์