นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ย่อตัวรัลบอนด์ยีลด์พลิกขึ้นมาอีกรอบ รวมทั้งสัปดาห์นี้ไม่ค่อยมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐให้ติดตามหรือวิเคราะห์ทิศทางดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนจีบตาถ้อยแถลงประธานเฟดประเด็นเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งสัปดาห์นี้ติดตามความเห็นจากประธานเฟดสาขาต่าง ๆ แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันไม่ได้พุ่งขึ้นมาความเห็นเรื่องเงินเฟ้ออาจเบาลง ส่งผลให้ทิศทาง SET ช่วงนี้แกว่งไซด์เวย์สอดคล้องตลาดหุ้นโลก ให้แนวรับ 1,400 จุด และแนวต้าน 1,432 จุด
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะย่อตัวลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) เริ่มปรับขึ้นมาเหนือ 4.6% อีกครั้ง รวมทั้งในสัปดาห์นี้ยังไม่มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐให้ติดตามหรือวิเคราะห์ทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ย ระหว่างที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในงานเสวนาของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันที่ 9 พ.ย. ซึ่งคาดว่าจะมีการพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย รวมถึงความเห็นของประธานเฟดสาขาต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์เศรษฐกิจยังเป็นอยู่ในลักษณะนี้ ราคาน้ำมันไม่ได้พุ่งขึ้น โดยทรงตัวอยู่ระดับล่าง หลังจากพุ่งขึ้นไปในช่วงเกิดสงครามตะวันออกกลาง ความเห็นเรื่องเงินเฟ้ออาจเบาลง ส่งผลให้ทิศทางของ SET ในสัปดาห์นี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์สอดคล้องกับตลาดหุ้นโลก
สัปดาห์นี้แนะนำติดตามการควบรวมระหว่าง ADVANC และ 3BB ขณะที่หุ้นแนะนำ เป็นกลุ่มคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/66 ฟื้นตัว อาทิ CK AMATA DOHOME หรือกลุ่มที่ก่อนหน้านี้ผลประกอบการไม่ดีมานานและคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัว
ขณะที่การรายงานตัวเลขนำเข้า-ส่งออกของจีนเดือนที่แล้วยังทรงตัวในระดับที่ต่ำ แต่เห็นการฟื้นตัวเล็กน้อย ซึ่งหากตัวเลขในสัปดาห์นี้ฟื้นตัวจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกไปยังจีน อาทิ SCGP
ให้แนวรับที่ 1,400 จุด และแนวต้าน 1,432 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (6 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,095.86 จุด เพิ่มขึ้น 34.54 จุด หรือ +0.10%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,365.98 จุด เพิ่มขึ้น 7.64 จุด หรือ +0.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,518.78 จุด เพิ่มขึ้น 40.50 จุด หรือ +0.30%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,551.77 จุด ลดลง 156.71 จุด หรือ -0.48% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,850.59 จุด ลดลง 116 จุด หรือ -0.65% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,052.92 จุด ลดลง 5.49 จุด หรือ -0.18%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 พ.ย.66) 1,417.21 จุด ลดลง 2.55 จุด (-0.18%) มูลค่าการซื้อขาย 42,924.19ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,117.57 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 พ.ย.66
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.(6 พ.ย.) เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 80.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 พ.ย.) อยู่ที่ 4.30 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 35.51 อ่อนค่าเล็กน้อย จากแรงซื้อดอลล์กลับ คาดกรอบ 35.40-35.65
– “จุลพันธ์” เผยนายกฯ เตรียมแถลงสรุปแจกเงินดิจิทัลด้วยตัวเอง 10 พ.ย. พร้อมรายงาน ครม.รับทราบวันนี้ (7 พ.ย.) ไม่ขัดข้องจ่ายผ่านแอปเป๋าตัง ส่วนแหล่งเงินจากงบประมาณไม่เป็นอุปสรรคร้านค้าไม่เข้าร่วม “ทีดีอาร์ไอ” มองเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะนำข้อเสนอแนะจากหลายฝ่ายมาพิจารณาจะใช้เงิน 5.6 แสนล้านให้เกิดประโยชน์มากสุด
– นายกฯ เร่งคณะทำงานศึกษาปรับขึ้นเงินเดือนขรก.-ค่าแรงขั้นต่ำ ต้องรายงานความเป็นไปได้สิ้นเดือน พ.ย.นี้ ขอฟัง รมว.แรงงานอีกครั้งหลังระบุอาจไม่ได้ 400 บาททุกพื้นที่ “ปานปรีย์” ขีดเส้น 3 สัปดาห์ได้ข้อสรุปผลศึกษา 2 กรณี “พิพัฒน์” สั่งสำรวจ ความต้องการค่าแรงทั่วประเทศภายใน 17 พ.ย. ก่อนถกไตรภาคี นำเสนอ ครม.พิจารณา
– เงินเฟ้อ ต.ค.66 ติดลบ 0.31% ปรับลดครั้งแรกรอบ 25 เดือน เหตุสินค้ากลุ่มพลังงาน สินค้าอุปโภคบริโภค ลดลงจากมาตรการลดค่าครองชีพรัฐ สินค้ากลุ่มอาหาร ทั้งเนื้อสุกร ผักสด ราคาถูกกว่าปีก่อน ย้ำไม่ต้องกังวล ไม่มีสัญญาณลบอะไร ยอดรวม 10 เดือน เพิ่ม 1.60% คาดเดือน พ.ย. ลดอีก หลังสินค้ามีแนวโน้มชะลอตัว
– FETCO เตรียมเข้าพบ รมว.คลัง สัปดาห์หน้า หารือ “ตั้งกองทุนออมหุ้น ระยะยาว” นายกสมาคมโบรกฯ ชี้ หนุนคนไทย ออมเงิน-ช่วยรัฐลดค่าใช้จ่ายดูแลสูงวัย “นายกสมาคมนักวิเคราะห์” หวังลดความผันผวน-ตลาดทุนไทยมีเสถียรภาพ “บล.เอเซีย พลัส” ย้ำปัดฝุ่น “กองทุนแอลทีเอฟ” ได้ประโยชน์สูงสุด
– ก.ล.ต. จับมือ ตลท.สั่งหุ้น IPO เปิดข้อมูลเร็วขึ้น “ผู้ถือหุ้นใหญ่-งบการเงิน” เพื่อใช้ตัดสินใจลงทุน-ป้องรายย่อยถูกเอาเปรียบ ส่วนจะปรับเกณฑ์หรือไม่ ต้องใช้เวลาหารือ
หุ้นเด่นวันนี้
– SAWAD (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 54.00 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/66 ที่ระดับ 1.47 พันล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้ง q-q และ y-y จากการเติบโตของสินเชื่อรวม และการลดลงของการตั้งสำรอง เนื่องจากไตรมาส 2/66 มีรายการพิเศษ ด้านต้นทุนทางการเงินเริ่มจำกัด ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต ถือเป็นระดับที่น่าสะสม
– SPRC (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 10.80 บาท ได้ Sentiment บวกจากค่าการกลั่นและราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว และดักซื้อเก็งกำไรก่อนที่ SPRC จะประกาศงบ ไตรมาส 3/66 ในวันพรุ่งนี้เบื้องต้นคาดพลิกมีกำไรสุทธิ 3.7 พันล้านบาทเทียบจากขาดทุนสุทธิ 2.1 พันล้านบาทและ 5 พันล้านบาทในไตรมาส 2/66 และ ไตรมาส 3/65 ตามลำดับ
– TIDLOR (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 31.40 บาท รายงานกำไรไตรมาส 3/66 สูงสุดใหม่ที่ 1.0 พันลบ.(+9% QoQ, +12% YoY) สูงกว่าที่เราคาดไว้ 7% เนื่องจากรายได้แข็งแกร่งเกินคาด NII และ non-NII ที่แข็งแกร่งจากธุรกิจนายหน้าประกันภัย ช่วยหนุน PPOP และการเติบโตของกำไร QoQ และ YoY ในไตรมาส 3/66 NPL ratio คงที่ที่ 1.5% และดีกว่าที่เราคาดไว้ 10bps คาดกำไรภาคเกษตรที่ดี และความเสี่ยง El Nino ที่รุนแรงน้อยกว่าคาดในปีหน้าจะหนุนให้ผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่อง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ย. 66)
Tags: ตลาดหุ้นไทย, ศราวุธ เตโชชวลิต