หุ้น TU ดีดขึ้น 2.92%% มาอยู่ที่ 14.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 319.10 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.30 น. โดยเปิดตลาดที่ 13.90 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 14.20 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 13.70 บาท
บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 1.21 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.26 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.53 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.53 บาท
บริษัทชี้แจงว่ากำไรสุทธิเติบโต 17.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 6,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% สาเหตุหลักจากราคาวัตถุดิบหลักที่ปรับตัวลดลง การปรับรายการสินค้าโดยเน้นสินค้าที่ทำกำไร รวมถึงแผนและมาตรการต่างๆ ในการเพิ่มระดับความสามารถในการทำกำไรที่บริษัทได้เริ่มใช้ประสบความสำเร็จดี ทั้งนี้ ยอดขายในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 33,915 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 0.9% จากไตรมาสก่อนหน้า
แม้ว่าผลประกอบการประจำไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 65 ที่มีสถิติสูงเป็นประวัติการณ์นั้น จะปรับระดับลดลง 16.8% เช่นเดียวกับกำไรสุทธิที่ลดลง 52.3% ซึ่งมีส่วนจากการขาดทุนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและส่วนแบ่งกำไรสุทธิจาก บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) ลดลงเป็นผลจากสัดส่วนหุ้นที่ TU ถือครองลดลง แต่อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/66 ยังแข็งแกร่ง
ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรสุทธิของ TU ในไตรมาส 3/66 สูงกว่าตลาดคาด 7.6% แต่ยังต่ำกว่าที่เราคาด 8.8% ขณะที่กำไรหลักอยู่ที่ 1.56 พันล้านบาท สูงกว่า consensus และคาดการณ์ของเรา 40% และ 19% ตามลำดับ
แรงดดันของกำไรที่หดตัวลงมากเมื่อเทียบกับข่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลัก ๆ มาจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง แต่อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นจาก 18.2% ในไตรมาส 2/66 มาอยู่ที่ 18.4% เนื่องจากราคาต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง
ในระยะข้างหน้าคาดว่าผลประกอบการของ TU จะฟื้นตัว QoQ อย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และอัตรากำไรที่จะดีขึ้น เนื่องจากได้รับผลดีจากแนวโน้มราคาปลาทูน่าซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญปรับตัวลดลง โดยล่าสุดในวันที่ 23 ต.ค.66 ราคาทูน่าอยู่ที่ 1,600 เหรียญหรัฐ/ตัน ลดลง 15% จากช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 1,873 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ราคาหุ้น TU ระยะสั้นผ่านแนวต้าน 14 บาทได้ มีแนวต้านหลักรอทดสอบที่ 14.50 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 66)
Tags: TU, หุ้นไทย, ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป