ข้อมูลจากสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) ของสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.) ระบุว่า ยอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ชาวอเมริกันระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุดที่สำคัญทั้งหมด เนื่องจากงบประมาณของครัวเรือนตึงตัว
NRF ระบุว่า ยอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดรวมถึงยอดขายทางอี-คอมเมิร์ซและออนไลน์ จะเพิ่มขึ้นระหว่าง 3-4% แตะ 9.573-9.666 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับยอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดที่เพิ่มขึ้น 5.4% ในปี 2565 และ 13.5% ในปี 2564
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักชอปต่างเพิ่มความระมัดระวังก่อนที่จะใช้จ่ายช่วงวันหยุดเทศกาล เนื่องจากราคาน้ำมันและอาหารที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่องบประมาณของครัวเรือน รวมถึงการชำระคืนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาด้วย
งบประมาณที่จำกัดนี้ผลักดันให้ชาวอเมริกันต้องหาซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคาครั้งใหญ่ เช่น แบล็คฟรายเดย์ และวันขอบคุณพระเจ้า
ทั้งนี้ อะเมซอนได้จัดงานวันลดราคาไพรม์ เดย์ (Prime Day) ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 10-11 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เบสต์ บาย (Best Buy) ขยายเวลาแฟลชเซลล์เป็น 48 ชั่วโมง และทาร์เก็ตเปิดตัวโปรแกรมดีล ออฟ เดอะ เดย์ (Deal of the Day) ตลอดเดือนต.ค.เพื่อดึงดูดลูกค้าให้สั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเพื่อฉวยประโยชน์จากการปรับลดราคาลงอย่างมาก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ย. 66)