SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,552.25 จุด ลดลง 24.35 จุด (-1.54%) มูลค่าการซื้อขายราว 60,241 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดในเอเชียที่ติดลบกันเป็นส่วนใหญ่ จากเผชิญปัญหาโควิดระบาดยืดเยื้อ-หวั่นกระทบเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง และยังฉีดวัคซีนได้ช้าด้วย อีกทั้งนักลงทุนทยอยปรับพอร์ตเตรียมรับมือเฟดปรับลด QE ส่ง Fund Flow ไหลไปสหรัฐฯ ส่วนบ้านเรากังวลจะใช้มาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดโควิดมากขึ้น-หวั่นกระทบภาคธุรกิจที่มีปัญหาอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มสถาบันการเงินมีความเสี่ยงลงมากกว่ากลุ่มอื่น มีเพียงกลุ่มการแพทย์ที่บวกได้กลุ่มเดียวจากรับอานิสสงส์โควิดระบาด แต่ upside ก็ไม่มากแล้ว บ่ายนี้ตลาดฯยังมีทิศทางไม่ค่อยดี-หลุด 1,580 เสี่ยงลงได้มากขึ้น พร้อมให้แนวรับ 1,555 แนวต้าน 1,570 จุด
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,552.25 จุด ลดลง 24.35 จุด (-1.54%) มูลค่าการซื้อขายราว 60,241 ล้านบาท
- การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยทำระดับสูงสุด 1,567.33 จุด และระดับต่ำสุด 1,550.93 จุด
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวลงกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดในเอเชียก็มีการเคลื่อนไหวที่ด้อยกว่าตลาดในสหรัฐฯ และตลาดในยุโรปอยู่แล้ว
เนื่องจากสหรัฐฯ และยุโรปมีการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ดีกว่า ส่วนเอเชียยังฉีดวัคซีนได้ช้า ทำให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจล่าช้าไปด้วย และยังมีปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ ทำให้วิตกจะกระทบเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง (H2/64) อีกทั้งนักลงทุนได้ทยอยปรับพอร์ตเพื่อเตรียมรับมือกับเรื่องที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดการทำ QE ทำให้ Fund Flow ไหลไปสหรัฐฯ และตลาดในเอเชียจึงดูแย่กว่า
ส่วนตลาดบ้านเราก็ใกล้เคียงกับตลาดในเอเชีย ในช่วงเช้าติดลบไปกว่า 20 จุด จากความกังวลจะใช้มาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดโควิดมากขึ้น แล้วจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่มีปัญหาอยู่ นักลงทุนจึงระมัดระวังการลงทุน ส่วนใหญ่ก็ได้ลดความเสี่ยงก่อน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงมากกว่ากลุ่มอื่น จะมีเพียงกลุ่มการแพทย์กลุ่มเดียวที่บวกได้ รับอานิสงส์จากโควิดระบาด แต่หากช่วงครึ่งปีหลังการแพร่ระบาดโควิดยังรุนแรงขึ้น ก็อาจทำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงที่จะเข้าโรงพยาบาลก็ได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา ในช่วงสั้นกลุ่มการแพทย์ได้รับผลบวกแต่ Upside ก็ไม่มากแล้ว
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/64 ได้ให้ Downside ไว้ในกรอบ 1,450-1,520 จุด แต่ก็ขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ดีแค่ไหน และจะกระทบภาคธุรกิจมาก/น้อยแค่ไหน ส่วน upside ให้ไว้ที่ 1,600 จุด
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดฯยังมีทิศทางไม่ค่อยดีหลังหลุดแนว 1,580 จุดก็เสี่ยงที่ปรับตัวลงได้มากขึ้น พร้อมแนะนำให้เน้นลงทุนหุ้นปลอดภัย อย่างหุ้น EASTW, RATCH และพวกกอง REIT โดยให้แนวรับ 1,555 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,921.98 ล้านบาท ปิดที่ 112.50 บาท ลดลง 4.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,492.81 ล้านบาท ปิดที่ 37.75 บาท ลดลง 1.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,635.35 ล้านบาท ปิดที่ 114.50 บาท ลดลง 4.00 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,623.74 ล้านบาท ปิดที่ 24.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท
RCL มูลค่าการซื้อขาย 1,424.60 ล้านบาท ปิดที่ 56.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ค. 64)
Tags: กิจพล ไพรไพศาลกิจ, ตลาดหุ้น, หุ้นไทย