บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากการพูดคุยกับ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เช้านี้เกี่ยวกับเหตุน้ำมันรั่วฯ พบว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินการกำจัดคราบน้ำมัน ยังอยู่ในกรอบที่ประมาณการไว้เบื้องต้นที่ +/-500 ล้านบาท และ ต้นทุนในการดำเนินงานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการขนส่งน้ำมันจะอยู่ที่ US$0.5-US$0.6 ต่อบาร์เรล (ต่ำกว่าที่คาดไว้เบื้องต้นที่ 1.00 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล)
อย่างไรก็ตาม การกลับมาดำเนินงานของหน่วย SBM#2 คาดว่าจะใช้เวลามากกว่าที่คาด เนื่องจากเบื้องต้นบริษัทยังอยู่ระหว่างการประเมินร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม หากในกรณีที่บริษัทจะเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด (Floating Hose offshore) จะใช้เวลาประมาณ 10-12 เดือน เนื่องจาก Spare part ที่บริษัทมีอยู่ไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ บริษัทมีการทำประกันครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของ Business Interruption (First Deductible อยู่ที่ 60 วัน) และ Property Damage (First Deductible อยู่ที่ 1 ล้านเหรียญ)
บล.ยูโอบีฯ ระบุว่า คงประมาณการผลประกอบการ TOP ปี 66 และ 67 ไว้เท่าเดิม โดยเราคาดว่าค่าใช้จ่ายในส่วน First Deductible ทั้ง Business Interruption และ Property Damage รวมจะอยู่ที่ 747 ล้านบาท คิดเป็น 4.6% ของประมาณการปี 66 ขณะที่ค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือทั้งหมดคาดว่าบริษัทจะสามารถเคลมเงินประกันคือได้ภายในปี 67
ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังอยู่ต่ำกว่าราคาก่อนเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วประมาณ 3.4% ซึ่งยังไม่สะท้อนแนวโน้มของกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/66 จะอยู่ที่ 11 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy อย่างมีนัยสำคัญ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TOP ให้ราคาเป้าหมาย 68.00 บาท
เมื่อเวลา 10.49 น.ราคาหุ้น TOP อยู่ที่ 49.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดวานนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 66)