ตลท.รับหุ้น GFC เข้าเทรดตลาด mai วันแรก 13 ก.ย.

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ต้อนรับ บมจ.เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มบริการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “GFC” ในวันที่ 13 กันยายน 2566

GFC และบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมสาขาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ที่ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากแบบครบวงจร ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัย โดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการภายใต้ชื่อ “Genesis Fertility Center” ในย่านพระราม 3 บนพื้นที่ให้บริการประมาณ 1,300 ตารางเมตร มีแพทย์ 14 ท่าน แบ่ง
บริการเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่

1) การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection)
2) การให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน (Next generation sequencing: NGS)
3) การให้บริการตรวจเบื้องต้นก่อนให้คำแนะนำหรือรักษา
4) การให้บริการแช่แข็งไข่และการฝากไข่ และ
5) การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI (Intrauterine insemination)

โดยในงวด 6 เดือน 2566 มีสัดส่วนรายได้จากบริการทั้ง 5 กลุ่มร้อยละ 70: 18: 8: 3.7: 0.3 และมีกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างลงทุนขยายสาขา 2 แห่ง ได้แก่ คลินิกสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 ใช้งบประมาณลงทุน 450.87 ล้านบาท บนพื้นที่ให้บริการ 7,900 ตารางเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 และคลินิกสาขาอุบลราชธานี ใช้งบประมาณลงทุน 35 ล้านบาท (เฉพาะส่วนของบริษัท) คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567

GFC มีทุนชำระแล้ว 110 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 160 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 60 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 53 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทและบริษัทย่อย 1.4 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย 5.6 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 4 – 6 กันยายน 2566 ในราคาหุ้นละ 7
บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 420 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,540 ล้านบาท ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 21.17 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566) ซึ่งเท่ากับ 72.74 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภาย
หลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.33 บาท โดยมีบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ให้บริการโดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชและเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ที่มีประสบการณ์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากมากกว่า 20 ปี มีเทคโนโลยีและห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย รวมถึงการให้บริการอย่างมีคุณภาพที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ช่วยเพิ่มศักยภาพในการรักษา สำหรับเงินที่ได้จากการระดม
ทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ลงทุนในโครงการขยายสาขา รวมถึงลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

GFC มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลังเข้าจดทะเบียน คือ รศ.นพ.พิทักษ์ เลาห์เกริกเกียรติ ถือหุ้น 25.46% นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติถือหุ้น 18.18% และ นางสาวภาสิรี อรวัฒนศรีกุล ถือหุ้น 14.55% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรเงินทุนสำรองต่างๆ

สำหรับเม็ดเงินระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯจะนำไปขยายการลงทุนโครงการคลินิกสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 เพื่อเพิ่มศักยภาพและยกระดับการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสามารถขยายพื้นที่การให้บริการเพิ่มมากขึ้นควบคู่กับการเพิ่มศูนย์ฝึกอบรมนักเทคนิคการแพทย์ ให้สอดคล้องกับการขยายตัวของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายตัวสำหรับรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เข้ารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยากทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติในอนาคต โดยบริษัทฯพร้อมขับเคลื่อนองค์กร ให้สอดรับกับวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน ที่มีความมั่นคง ยั่งยืน และยึดมั่นในหลักจริยธรรม พร้อมทั้งเชื่อว่าคลินิกดังกล่าว จะเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของกรุงเทพฯ สำหรับการให้บริการทางการแพทย์ผู้มีบุตรยาก

นอกจากนี้ ยังลงทุนในโครงการคลินิกสาขาอุบลราชธานี เพื่อขยายฐานการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากไปยังกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแผนการขยายการลงทุนดังกล่าว ถือเป็นยุทธ์ศาสตร์การกระจายความเสี่ยงของรายได้ ที่ไม่อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็น New S Curve ที่จะสร้างการเติบโตให้บริษัทฯในอนาคต

จากปัจจัยดังกล่าว สะท้อนถึงความตั้งใจของคณะผู้บริหาร ทีมแพทย์ ทีมนักเทคนิคการแพทย์ ซึ่งเป็นผู้ชำนาญการมีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ และพนักงานทุกคน ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของครอบครัวที่เข้ารับการรักษาผู้มีบุตรยาก ภายใต้การมุ่งมั่นในการเติมเต็มความฝันของทุกครอบครัวให้เป็นจริง เนื่องจากกลุ่มบริษัท GFC ให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยาก ผ่าน 5 กลุ่มการให้
บริการ ได้แก่ 1. การให้บริการตรวจเบื้องต้นก่อนให้คำแนะนำหรือรักษา 2. การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI 3. การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI 4. การให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน (NGS) และ 5. การให้บริการแช่แข็งไข่และการฝากไข่ ซึ่งตอบโจทย์ทุกการให้บริการ

ดังนั้น การระดมทุนในครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับให้บริการทางการแพทย์ สำหรับผู้มีบุตรยากครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น และเพิ่มศักยภาพสถานะทางการเงิน ของ GFC ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และเตรียมก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน ที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 66)

Tags: ,