ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (31 ส.ค.) โดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสินค้าหรูหรานั้นได้บดบังการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มการเงิน ขณะที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนที่เป็นไปอย่างไร้ทิศทาง
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 458.19 จุด ลดลง 0.94 จุด หรือ -0.20%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,316.70 จุด ลดลง 47.70 จุด หรือ -0.65%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,947.08 จุด เพิ่มขึ้น 55.15 จุด หรือ +0.35% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,439.13 จุด ลดลง 34.54 จุด หรือ -0.46%
หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 1.5% แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน โดยหุ้นธนาคารยูบีเอส พุ่งขึ้น 6.1% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากมีแผนปรับลดต้นทุนมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยลดพนักงาน 3,000 ตำแหน่งในสวิตเซอร์แลนด์ หลังการเข้าเทกโอเวอร์ธนาคารเครดิต สวิส
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ปรับตัวขึ้น 1.6% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนเป็นไปอย่างไร้ทิศทาง
เงินเฟ้อของยูโรโซนทรงตัวในเดือนส.ค. ขณะที่การขยายตัวของราคาลดลงตามคาด แต่ยังคงอยู่เหนือเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาบ่งชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซา
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา ปรับตัวลง 1.3%
หุ้นเพอร์นอด ริคาร์ด ร่วง 6.7% หลังเตือนว่า ยอดขายจะลดลงในจีนและสหรัฐในไตรมาสแรกที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. ส่งผลให้หุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1%
หุ้นเกล็นคอร์ ร่วงลง 2.5% หลังหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า ผู้จัดการสินทรัพย์หลายสิบรายกล่าวหาว่า เกล็นคอร์ให้ข้อมูลที่เป็นเท็จในหนังสือชี้ชวนในอดีตที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 66)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป