นักวิเคราะห์คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ต่อ ตลาดคาดหวังการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี และออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ปัจจัยนอกประเทศกดให้ดัชนีมีอัพไซด์จำกัด จากกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยหรือคงดอกเบี้ยระดับสูงหลังเงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูง และ เอสแอนด์พีปรับลดเครดิตหลายแบงก์ในสหรัฐ ให้แนวต้านแรกที่ 1,550 จุด แนวต้านถัดไป 1,563 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ 1,536, 1,527 จุด
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าววว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ มีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อจากวานนี้ที่ปรับตัวขึ้น 20 จุด แต่อัพไซด์อาจจำกัด โดยปัจจัยภายในประเทศตลาดคาดหวังการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีสำเร็จ และออกนโยบายกระตุ่นเศรษฐกิจ ทำให้มี Sentiment เชิงบวก
แต่ปัจจัยภายนอกนักลงทุนกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ปรับขึ้นดอกเบี้ยและคงดอกเบี้ยระดับสูงหลังจากประธานเฟดบางส่วนหนุนขึ้นดอกเบี้ยจากที่เงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูง และอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารระดับภูมิภาคหลายแห่งในสหรัฐ ก็ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทย upside จำกัด
ให้แนวต้านแรกที่ 1,550 จุด แนวต้านถัดไป 1,563 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ 1,536, 1,527 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (22 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,288.83 จุด ลดลง 174.86 จุด หรือ -0.51%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,387.55 จุด ลดลง 12.22 จุด หรือ -0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,505.87 จุด เพิ่มขึ้น 8.28 จุด หรือ +0.06%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดที่ระดับ 31,717.91 จุด ลดลง 138.8 จุด หรือ -0.44%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 17,762.76 จุด ลดลง 28.25 จุด หรือ -0.16% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,116.27 จุด ลดลง 4.06 จุด หรือ -0.13%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ส.ค.66) 1,545.60 จุด เพิ่มขึ้น 19.75 จุด (+1.29%) มูลค่าซื้อขาย 71,924.04 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 593.95 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ส.ค.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.(22 ส.ค.)ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 80.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ส.ค.) อยู่ที่ 13.61 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.02 แนวโน้มผันผวน จับตาทิศทาง Flow-ถ้อยแถลงประธานเฟด
- รัฐสภาโหวต “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกฯ คนที่ 30 รัฐบาลผสม 11 พรรค เดินหน้านโยบายด่วนรัฐมนตรีเพื่อไทยคุมกระทรวงเศรษฐกิจ ปักหมุดมาตรการกระตุ้นธุรกิจครึ่งปีหลัง แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เจรจารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ปูทางขึ้นค่าแรง 600 บาท ปริญญาตรี 25,000 บาท ฟื้นท่องเที่ยว 3 ล้านล้าน พรรคร่วม 2 ลุง 76 เสียง ยืนกรานเบี้ยผู้สูงอายุต้องถ้วนหน้า ขั้นต่ำ 1,000 บาท ธุรกิจ-อุตสาหกรรมเชื่อมือ คาดเพื่อไทยคุมเมกะโปรเจ็กต์คมนาคม กลุ่มท่องเที่ยวลุ้นได้รัฐมนตรีจากภูมิใจไทยทำงานต่อเนื่อง “ศุภชัย เจียรวนนท์” ชงปฏิรูปการศึกษา
- นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยถึงสถานการณ์ปัญหาเศรษฐกิจในจีนว่า มีการขยายตัวต่ำกว่าที่หลายสำนักคาดการณ์กันไว้ ซึ่งการประมาณการของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือสศค. ก็มองว่ามีผลกระทบต่อไทยบางส่วน โดยเฉพาะเรื่องการ ส่งออกจากไทยไปจีน ซึ่งในปี 66 ไทยส่งออกไปจีนเยอะ โดยเฉพาะหมวดอาหาร ผลไม้ เช่น ทุเรียน เป็นต้น แต่บังเอิญด้านไทยเองก็ผลผลิตปีนี้ออกมาน้อยด้วย
- ธปท. เปิดเผยถึงสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ในไตรมาส 2 ปี 66 ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 2 หดตัวเล็กน้อยที่ 0.4% จากการทยอยชำระคืนหนี้ของภาคธุรกิจ หลังเร่งขยายตัวต่อเนื่องเพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงโควิด โดยเฉพาะการชำระคืนสินเชื่อเอสเอ็มอี รวมถึงซอฟต์โลน และภาครัฐ ขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่ส่วนหนึ่งระดมทุนผ่านการออกตรา สารหนี้ ประกอบกับมีการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ของธนาคารพาณิชย์
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPALL (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 72.50 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 4,438ลบ.(+47.75%YoY, +7.66%QoQ) จากรายได้ร้านสะดวกซื้อ7-11(+16%YoY, +8%QoQ) ที่มีแรงหนุนจาก Traffic การเดินทางที่เพิ่มขึ้น การเปิดรับนักท่องเที่ยว การใช้จ่ายช่วงเลือกตั้ง และอากาศร้อนบวกต่อสินค้าเครื่องดื่ม
- ส่วนช่วงถัดไปครึ่งปีหลังปี 66 นี้ เราคาดว่าจะดีกว่าครึ่งแรกจาก 1.การฟื้นตัวฝั่งนักท่องเที่ยว(peak ในQ4) 2.ภาระดอกเบี้ยหลัง CPAXT refinance เสร็จสิ้น และ 3.อัตราค่าไฟฟ้างวด ก.ย.-ธ.ค.66 ที่ปรับลดลงต่อจากงวด พ.ค.-ส.ค.66
- CK (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 30.25 บาท มองผลประกอบการบริษัทมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยเราคาดกำไรเติบโต 37% ปีนี้และ 88% ปีหน้า ทั้งนี้เราประเมินบริษัทจะมี backlog งานในมือสูงสุดเป็นประวัติการณ์มากกว่า 2 แสนล้านบาท ณ สิ้นปีนี้ สูงกว่าระดับสูงสุดเดิมเมื่อปี 2555 ที่ 1.18 แสนล้านบาท
- BCH (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 20 บาท ทยอยสะสมเข้าสู่ High season ของธุรกิจในช่วงฤดูฝน มีการระบาดของโรคจำนวนมาก อาทิ ไข้เลือดออก, ไข้หวัดใหญ่ และ โรคปากเท้าเปื่อยในเด็ก เป็นบวกต่อผู้ประกอบการที่เน้นผู้ป่วยในประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ส.ค. 66)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย