นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้คาด แกว่งไซด์เวย์ คล้ายภูมิภาคเอเชีย รับจิตวิทยาลบหลังฟิทช์ เรทติ้งส์ เตรียมปรับลด Credit Rating ธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐ และติดตามศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินในวันนี้หรือไม่ ให้แนวรับไว้ที่ 1,511-1,507 จุด และแนวต้าน 1,530-1,536 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้คาดแกว่งไซด์เวย์ สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ รับจิตวิทยาลบหลัง ฟิทช์ เรทติ้งส์ เตรียมปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐ แต่คาดจะกระทบธนาคารไทยเพียงจิตวิทยา
ขณะเดียวกันวันนี้จับตาดูศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน หลังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 กรณีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกฯ เป็นนายกฯ รอบสอง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
ให้แนวรับไว้ที่ 1,511-1,507 จุด และแนวต้าน 1,530-1,536 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,946.39 จุด ลดลง 361.24 จุด หรือ -1.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,437.86 จุด ลดลง 51.86 จุด หรือ -1.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,631.05 จุด ลดลง 157.28 จุด หรือ -1.14%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 31,965.58 จุด ลดลง 273.31 จุด หรือ -0.85%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 18,356.65 จุด ลดลง 224.46 จุด หรือ -1.21% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,164.70 จุด ลดลง 11.48 จุด หรือ -0.36%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ส.ค.66) 1,520.73 จุด ลดลง 14.43 จุด (-0.94%) มูลค่าซื้อขาย 48,598.75 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,877.80 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ส.ค.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. (15 ส.ค.) ลดลง 1.52 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 80.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ส.ค.) อยู่ที่ 12.35 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.45 อ่อนค่าต่อเนื่อง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหนุนดอลลาร์แข็งค่า
- “ธนาคารกรุงเทพ” สยายปีกรุกอาเซียน คว้าไลเซ่นส์ “คัสโตเดียน”ในเวียดนาม รองรับนักลงทุนไทย-ต่างชาติ เข้าลงทุนตลาดหุ้น หวังปูทางก้าวสู่สถาบันการเงินชั้นนำระดับภูมิภาค
- “บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี” เตือนระวังลงทุน “หุ้นกลุ่มเจมาร์ท” ชี้หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะหลีกเลี่ยง หลังราคาหุ้นขึ้นแรงเกินไป “บล.หยวนต้า” คาดชี้แนวโน้มผลดำเนินงานครึ่งหลังยังทรุดมีเพียง “เจเอ็มที” ที่ยังเติบโตดี “บล.เคจีไอ” อยู่ระหว่างทบทวน ราคาเป้าหมาย มองกำไรปีนี้มี ดาวน์ไซด์
- ลุ้น ก.ย.เห็นโฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่ เพื่อไทยมั่นใจโหวต “เศรษฐา” ม้วนเดียวจบ “รวมไทยสร้างชาติ” แจ้งลูกพรรค พท.ทาบรวมรัฐบาลแล้ว “พีระพันธุ์” ระบุต้องคุยโควตาก่อนโหวตนายกฯ “อนุทิน” ลั่นไม่ให้กระทรวงเดิมต้องมีเหตุผล ด้าน “ก้าวไกล” แถลงการณ์ 3 เหตุผลไม่โหวต แคนดิเดตนายกฯจาก “รัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว”
*หุ้นเด่นวันนี้
- WHA (กรุงศรี) ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5 บาท ได้ข่าวดีรัฐบาลจีนเห็นชอบให้บริษัท ฉางอัน ออโตโมบิล ยื่นขอรับการส่งเสริมฯ จาก BOI เฟสแรกมูลค่า 8.8 พันล้านบาท เป็นบวกต่อยอดขายที่ดินของ WHA หลังจากที่ก่อนหน้า ฉางอัน ขอชะลอซื้อ
- DMT (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 13.2 บาท เลี่ยงความเสี่ยง เข้าหาหุ้นปันผลดี โดยภาวะตลาดที่ต้องเลือกระหว่างการถือเงินสด หรือหุ้นพื้นฐานดี-ปันผลดีน่าจะเหมาะสม วันนี้ หุ้นที่เล็กที่จะเป็นทางเลือกหนึ่ง คือ DMT (ผู้ให้บริการทางด่วน ดอนเมืองโทลเวย์) ซึ่งมีรายได้ที่ไม่เหวี่ยงมาก และจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ กำไรไตรมาส 2/66 ออกมาที่ 233 ล้านบาท +25% YoY, -8% QoQ มีสัญญาณการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นหลังจากผ่าน Covid-19 มาแล้ว คือสูงขึ้นต่อเนื่อง
- DMT มีการจ่ายเงินปันผล เป็นรายไตรมาส มีการจ่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับกำไร ปี 65 จ่ายปันผลรวมทั้งหมด 1.13 บาท โดยปีนี้ จ่ายมาแล้ว 2 ครั้ง (0.35+0.35 บาท) คือ 0.70 บาท โดย 24 ส.ค. จะขึ้น XD สำหรับเงินปันผล 0.35 บาท การเติบโตของ DMT จะมาจากการประมูลโครงการทางด่วนรอบใหม่ คาดว่าจะเกิดขึ้นราวปี 67
- HANA (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ ซื้อ อยู่ระหว่างปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2024 เบื้องต้น ที่ 58 บาท ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 635 ล้านบาท +138% q-q, +159% y-y หากไม่รวม FX gain และ Derivative loss จะมีกำไรปกติ 749 ล้านบาท +154% q-q, +24% y-y ดีมากกว่าตลาดและเราคาด 50% จาก gross margin ที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 15% จาก 8.6% ในไตรมาสก่อน มากกว่าคาดมาก ขณะที่รายได้ที่เป็นดอลลาร์สหรัฐ +4.7% q-q, +7.5% y-y กำไรปกติ 1H23 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท +4% y-y คิดเป็น 56% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2023 คาดแนวโน้ม 2H23 ยังเป็นบวกจากช่วง high season ของอุตสาหกรรม และลูกค้า IC มีแผนเพิ่มคำสั่งซื้อมากขึ้น เรามีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลังประชุมนักวิเคราะห์ ให้แนวรับ 51-50 บาท แนวต้าน 55-56 และ 60 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ส.ค. 66)
Tags: กรภัทร วรเชษฐ์, ตลาดหุ้น, หุ้นไทย