นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์รอความชัดเจนโหวตเลือกนายกฯ แต่ยังไร้ปัจจัยใหม่ ประกอบกับเป็นช่วงโค้งสุดท้ายประกาศงบฯไตรมาส 2/66 ด้านปัจจัยต่างประเทศมีความกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอ และราคาน้ำมันย่อตัว พร้อมให้แนวต้าน 1,545 จุด แนวรับ 1,520 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ รอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี โดยที่ปัจจัยอื่นในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ และเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 ของบริษัทจดทะเบียน
ขณะที่ปัจจัยภายนอกยังมีความกังวลในเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับราคาน้ำมันมีการอ่อนตัวลงมา อาจจะกดดันต่อหุ้นพลังงานได้บ้าง ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน
โดยให้แนวต้าน 1,545 จุด แนวรับ 1,520 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (14 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,307.63 จุด เพิ่มขึ้น 26.23 จุด หรือ +0.07%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,489.72 จุด เพิ่มขึ้น 25.67 จุด หรือ +0.58% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,788.33 จุด เพิ่มขึ้น 143.48 จุด หรือ +1.05%
-ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 32,372.53 จุด เพิ่มขึ้น 312.62 จุด หรือ +0.98%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,180.56 จุด เพิ่มขึ้น 2.13 จุด หรือ +0.07% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 18,599.20 จุด ลดลง 174.35 จุด หรือ -0.93%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ส.ค.66) 1,535.16 จุด เพิ่มขึ้น 1.75 จุด (+0.11%) มูลค่าการซื้อขาย 61,820.21 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 304.21 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ส.ค.66
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. (14 ส.ค.) ลดลง 68 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 82.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ส.ค.) อยู่ที่ 12.74 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 35.25 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อน จับตาความชัดเจนจัดตั้งรัฐบาล-ทิศทาง Flow
– คณะกรรมการไต่สวนชง กกต. “พิธา” ไม่ผิดอาญา 151 ปมรู้ไม่มีสิทธิ์ลงสมัครเลือกตั้ง เหตุมีชื่อถือหุ้นไอทีวี แจงไม่พบว่าไอทีวีมีการประกอบกิจการสื่อ แต่ยังไม่จบต้องรอสอบเพิ่มอีก ด้าน “วันนอร์” ยังไม่เคาะ 18 สิงหาคมโหวตนายกฯ ต้องรอศาล รธน. ตัดสินก่อน ด้านเพื่อไทยย้ำโหวต “เศรษฐา” เป็นนายกฯ ส่วนแบ่งเค้กรัฐมนตรีทุกอย่างคุยกันได้
– จับตา “ไทยบีเอ็มเอ” เผยยอดหุ้นกู้มีปัญหาปัจจุบัน 3.69 หมื่นล้าน ทรงตัวจากช่วงครึ่งปีแรก พบหุ้นกู้ “นอน-อินเวสต์เมนต์เกรด” ซบเซาต่อเนื่อง นักลงทุนรายใหญ่ชะลอซื้อ เข็ดจากปัญหา “สตาร์ค” จับตาดอกเบี้ยขึ้น หนุนผู้ออกเร่งขาย มีครบกำหนด 2.8 แสนล้าน ดันทั้งปี ทะลุ 1 ล้านล้าน “ทริสเรทติ้ง” มองภาพใหญ่ไม่มีปัญหา ยังหวั่นโอกาส ยอดออกแผ่วลง เหตุ “นักลงทุนระมัดระวังดอกเบี้ยขาขึ้น-การเมือง”
– เอพีหวั่นกรณีหุ้นกู้บริษัทอสังหาริมทรัพย์-สตาร์ค เป็นระเบิดลูกใหญ่ ฉุดความเชื่อมั่นแบงก์ปล่อยกู้-บจ.ออกหุ้นกู้ใหม่ยาก หวั่นจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยืดเยื้อถึงปลายปี กระทบเบิกจ่ายปีงบประมาณ 2567
– “อธิรัฐ” สั่งชะลอปรับค่าผ่านทางด่วน “บูรพาวิถี-ฉลองรัช” และบางพลีสุขสวัสดิ์ ออกไป 6 เดือน ลดภาระประชาชน ยืดไปมีผล 1 มี.ค. 67 หลังบอร์ด กทพ. เจรจา กองทุนฯTFF พร้อมเห็นชอบประกาศกระทรวงคมนาคมเสนอเลขาฯครมแล้ว
หุ้นเด่นวันนี้
– ORI (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 10.70 บาท แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังปี 66 มีโอกาสโดดเด่น หลังช่วงครึ่งปีแรก ทำ Presale ไปกว่า 2 หมื่น ลบ. จากเป้าทั้งปี 2566 ที่ 4.5 หมื่น ลบ. ครึ่งหลังของปีเป็น High season ของอสังหาฯ ลุ้นผลงานทำได้ดีกว่าเป้า เราประเมินกำไรปกติ ไตรมาส 2/66 ที่ 852 ล้านบาท (-5% YoY, +7% QoQ) ยังเติบโตช้า จากยอดโอนที่ยังเพิ่มไม่มาก กำไรไตรมาส 3/66 มีโอกาสโต และจะมีการขาย Big lot โครงการ Park Origin จุฬา-สามย่าน ให้กับ บจ.เรียลเอสเตท อินทิเกรชั่น (ใช้ทำ Token) DAOL ประเมินกำไรปกติ ปี 2566 ไว้ที่ 3.7 พันล้านบาท +4% YoY
– MEGA (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 65 บาท กำไรไตรมาส 2/66 แข็งแกร่ง หากตัดผลขาดทุนจาก FX จำนวนมากเพราะค่าเงินไนร่าอ่อนค่า และผลของ Dual currency rate ของค่าเงินจ๊าด MEGA มีกำไรปกติ 573 ลบ. +14% q-q, +3% y-y ทั้งที่หมดอานิสงส์จากโควิดแล้วและคู่ค้าในเมียนมาร์ลดลง 1 ราย ดีตามเราคาดแต่ดีกว่าตลาดคาด 8% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น เนื่องจากคู่ค้าในเมียนมาร์รายดังกล่าวมี Margin ต่ำ และยอดขาย Mega we care ที่โตต่อเนื่อง กำไรปกติ 1H23 คิดเป็น 45% ของคาดการณ์ทั้งปีที่เราคาด 2.4 พันลบ. +5% y-y แม้ 2H23 จะท้าทายแต่ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE เพียง 14 เท่า ต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี
– COM7 (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 35.07 บาท เก็งกำไรบนกำหนดการเปิดตัว iPhone 15 คาดยอดขายดี ตามกระแสอาจเห็น model change ที่มีความน่าสนใจ อีกทั้งผู้บริหารปรับกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพผลประกอบการโดยปิดสาขาไม่ทำเงิน สร้างรายได้เพิ่มจากพื้นที่ให้เช่าและเพิ่มแหล่งรายได้ของบริษัทจากการขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มองแนวโน้มผลประกอบการเติบโตสูง ขณะที่ valuation ของหุ้นยังไม่แพง มี upside ส่วนต่างให้ลงทุน พร้อม yield ประมาณ 3%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 66)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย