องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา อ่านคำพิพากษาในคดีระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ยื่นคำร้องกรณี น.ส.ธนิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ (ผู้คัดค้าน) มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณีเสียบบัตร ส.ส. แทนกันในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาลงมติร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … เมื่อวันที่ 8 ส.ค.62 โดยผู้คัดค้าน ได้ฝากให้ สส.รายอื่นกดบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตน และลงมติแทน ซึ่งการกระทำของผู้คัดค้าน เข้าลักษณะเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูย และขอให้ผู้คัดค้าน หยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้องจนกว่าจะมีคำพิพากษา ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง มีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ซึ่งผู้คัดค้านให้การปฏิเสธ
ทั้งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานตามทางไต่สวนรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านไม่ได้อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และการที่ปรากฏชื่อผู้คัดค้านแสดงตนและลงมติ มิได้เกิดจากความผิดพลาดของระบบอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ เมื่อได้พิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกัน มีเหตุผลและน้ำหนัก ให้รับฟังได้ว่าผู้คัดค้านได้ฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตน และลงมติแก่ ส.ส.รายอื่น
ดังนั้น การออกเสียงลงคะแนนของผู้คัดค้าน จึงเป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ไม่สุจริต อันเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็น ส.ส.ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ ทั้งขัดต่อหลัก ความซื่อสัตย์สุจริตที่ได้ปฏิญาณตนในที่ประชุมก่อนเข้ารับหน้าที่ โดยเฉพาะการออกเสียงลงคะแนนจะกระทำแทนกันมิได้ มีผลทำให้การออกเสียงลงคะแนนของผู้คัดค้านเป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ทุจริต ถือได้ว่าเกิดความเสียหายแก่สภาผู้แทนราษฎรและปวงชนชาวไทย
การกระทำของผู้คัดค้าน ถือได้ว่าเข้าลักษณะเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และยังเป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง และฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกำลังความสามารถ และยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรมโปร่งใส และตรวจสอบได้ และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ
“พิพากษาว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 6-8ประกอบข้อ 27 วรรคหนึ่ง ให้ผู้คัดค้าน พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่ 11 ส.ค.64 อันเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของคดีอาญาก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ลงโทษยืนจำคุก 1 ปี ปรับ 2 แสนบาท รอลงอาญา 2 ปี แก่ น.ส.ธณิกานต์ ฐานใช้อำนาจหน้าที่มิชอบเสียบบัตรแทนกันในกรณีเดียวกันนี้ ก่อนตัดสิทธิทางการเมืองในวันนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ส.ค. 66)
Tags: ธนิกานต์ พรพงษาโรจน์, ศาลฎีกา, เพิกถอนสิทธิ, เสียบบัตรแทนกัน