นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวยืนยันว่า ในวันที่ 6 ส.ค.นี้ยังคงมีการประชุมใหญ่ไม่มีการเลื่อนแต่อย่างใด การเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเรื่องที่สำคัญ การต่อสู้แข่งขันกันเป็นเรื่องปกติ เพราะพรรคเป็นสถาบันทางการเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตย ไม่มีใครเป็นเจ้าของพรรคที่จะมาสั่งการได้ แต่ในการแข่งขันนั้นก็เชื่อว่าทุกฝ่ายต้องตระหนักว่า ความเป็นประชาธิปัตย์มีความสำคัญกว่าการแข่งขันเพียงเพื่อให้ได้รับชัยชนะ สมาชิกพรรคที่เป็นองค์ประชุมมีหลักคิดในการเลือกผู้นำอย่างแน่นอน
ส่วนที่พรรคถูกสมาชิกร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น ก็ว่ากันตามกระบวนการและพรรคพร้อมที่จะชี้แจง เพราะไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน หากเกิดอะไรขึ้นกับพรรค เชื่อว่าจะไม่มีใครชนะแม้แต่คนเดียว
นายราเมศ ยืนยันว่าการดำเนินกิจกรรมในทางการเมืองของพรรคทุกอย่างยึดรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และข้อบังคับพรรคอย่างเคร่งครัด การประชุมเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา องค์ประชุมไม่ครบก็เป็นไปตามข้อบังคับที่มีความจำเป็นต้องยุติการประชุมเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ถ้าประชุมต่อไปทั้งๆ ที่องค์ประชุมไม่ครบ 250 คนก็จะผิดกฎหมาย เมื่อปิดการประชุมเพื่อให้มีการประชุมใหม่ก็ถือว่าประธานในที่ประชุมได้ทำถูกต้องแล้วเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติที่ให้งดเว้นข้อบังคับในส่วนการหยั่งเสียงเบื้องต้นก็สามารถทำได้ ไม่มีประเด็นไหนที่ผิดกฎหมาย หลักการในเรื่องนี้คือในสมัยที่มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายวรงค์ เดชกิจวิกรม และนายอลงกรณ์ พลบุตร ร่วมลงสมัครแข่งขันกันก็ได้มีการดำเนินการให้สมาชิกลงคะแนนเสียงเบื้องต้น เมื่อได้ผลอย่างไรแล้วก็ให้มีการเลือกกันอีกรอบในที่ประชุมใหญ่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
สมัยที่มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, นายกรณ์ จาติกวณิช, นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และ นายพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค เนื่องจากมีเวลาที่จำกัดและต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากในการจัดการหยั่งเสียงเบื้องต้น คณะกรรมการบริหารพรรคขณะนั้นก็ให้มีการงดเว้นไม่ให้มีการหยั่งเสียงเบื้องต้นจากสมาชิก ในครั้งนี้ก็เช่นกันที่ได้มีการงดเว้น แต่ทั้งนี้การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคยังอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และข้อบังคับ แม้รัฐธรรมนูญและกฎหมายไม่ได้บังคับให้ต้องทำ แต่พรรคได้รับฟังเสียงสมาชิกพรรคให้เข้ามามีส่วนร่วมโดยผ่านกระบวนการของตัวแทนพรรคและสาขา ทุกอย่างดำเนินการอย่างเคร่งครัดไม่ได้ลิดรอนสิทธิสมาชิกพรรคแต่อย่างใด
ส่วนกรณีการใช้สัดส่วนการคำนวณคะแนนเสียงในการเลือกกรรมการบริหารพรรคในสัดส่วนร้อยละ 70 ต่อ 30 ซึ่งการลงคะแนนของ สส.อยู่ในสัดส่วนร้อยละ 70 และในส่วนขององค์ประชุมอื่นๆ อยู่ในสัดส่วนร้อยละ 30 ก็เป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามข้อบังคับพรรคเป็นการดำเนินการกิจการทางการเมืองภายในของพรรค มีกรณีที่ไม่เห็นด้วยก็มีสมาชิกที่เป็นองค์ประชุมเสนอเป็นญัตติเพื่อทำการงดเว้นและแก้ไขแต่ญัตติดังกล่าวก็ได้มีมติทั้งสองจากที่ประชุมคือที่ประชุมใหญ่ไม่อนุญาตให้มีการงดเว้น และที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคก็ยังไม่รับญัตติการขอแก้ข้อบังคับพรรคดังกล่าว จึงขอย้ำว่าเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนไม่มีกรณีใดที่กระทำขัดต่อกฎหมาย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ส.ค. 66)
Tags: ประชาธิปัตย์, พรรคประชาธิปัตย์, ราเมศ รัตนะเชวง