นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ไม่เชื่อกระแสข่าวลือต่างๆ บั่นทอนความเชื่อใจภายใน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล พร้อมยืนยัน มีเหตุผลหนักแน่นมากพอที่จะ “เชื่อใจ” พรรคเพื่อไทย และ 8 พรรคร่วมอยู่เสมอ
“ผมยังคงเชื่อใจพรรคเพื่อไทย และ 8 พรรคร่วมอยู่เสมอ และไม่เคยเชื่อข่าวลือใดๆ เลย และการที่ผม “ไม่เชื่อ” ไม่ใช่ว่าแค่รู้สึกไม่เชื่อ แต่ผมมีเหตุผลที่หนักแน่นพอ ที่จะไม่เชื่อด้วย” นายวิโรจน์ ระบุ พร้อมยกเหตุผล ถึงความเชื่อมั่น……
1. ข่าวลือที่ว่า พรรคเพื่อไทย จะดีดพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ร่วมกับรวมไทยสร้างชาติ กับพลังประชารัฐ และจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาชาติ พรรคชาติไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคเพื่อไทรวมพลัง ซึ่งมีเสียงรวมกัน 262 เสียง เพื่อให้ สว. ยอมโหวตให้ โดยอ้างว่านี่คือการปิดสวิทช์ สว.
“ผมไม่เชื่อข่าวลือนี้เลย เพราะนี่ไม่ใช่การปิดสวิทช์ สว. แต่เป็นยอมจำนนต่อ สว. แล้วรวมหัวกันล้มผลการเลือกตั้ง ปิดสวิทช์ก้าวไกล ขัดขวางไม่ให้พรรคที่ชนะการเลือกตั้งจัดตั้งรัฐบาลได้…ข่าวลือนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะนอกจากรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นจะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำแล้ว การที่พรรคเพื่อไทย จะไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอะไรที่อธิบายต่อวีรชนคนเสื้อแดงที่เป็นกลุ่มผู้สนับสนุนสำคัญของพรรคเพื่อไทยได้ยากมากๆ
2. ข่าวลือที่ว่า เพื่อไทยจะดีดพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วดึงเอาพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ มาร่วมรัฐบาลแทน ข่าวลือนี้ยิ่งไม่เชื่อใหญ่ แม้ว่าจะทำให้รัฐบาลมีเสียงถึง 308 เสียงก็ตาม
เสถียรภาพของรัฐบาล จะดูแค่จำนวน สส. ไม่ได้ ต้องมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนด้วย ที่ผ่านมาแกนนำของพรรคเพื่อไทย ก็พูดให้คำมั่นต่อสาธารณะมาโดยตลอดว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ หัวหน้าพรรคถึงกับเอาตำแหน่งเป็นประกัน
ต้องยอมรับว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นพรรคที่ความเชื่อมโยงกับ คสช. และในเหตุการณ์ล้อมปราบคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 ณ ขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็ดำรงตำแหน่งเป็นรอง ผบ.ทบ. และกรรมการใน ศอฉ. พล.อ.ประวิตร ก็เป็น รมว.กลาโหม จะอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียชีวิตของคนเสื้อแดงเลย ก็คงจะฟังไม่ขึ้น
“รัฐบาลที่เริ่มต้นด้วยการทรยศหักหลัง และเป็นปรปักษ์กับประชาชน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มที่เป็นผู้สนับสนุนหลักของพรรค ไม่มีทางที่จะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้เลย แถมยังจะสูญเสียฐานเสียงสนับสนุนในระยะยาวอีกด้วย จะขับเคลื่อนนโยบายได้อย่างไรท่ามกลางเสียงก่นด่าของประชาชน จะรับมือกับอุปสรรคได้อย่างไร ถ้าไม่มีประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ ผมจึงไม่เชื่อว่าข่าวนี้จะเป็นจริง ต่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร จะลาออกจากทั้ง 2 พรรคไปแล้ว และอ้างว่า “ลุงไม่อยู่แล้ว” ร่วมรัฐบาลกันได้ ข้ออ้างแบบนี้ ประชาชนรับไม่ได้หรอก เพราะคำว่า “ลุง” มันไม่ใช่แค่ตัวบุคคล แต่มันเป็นสัญลักษณ์ ที่สะท้อนถึง “แนวคิดที่มีต่อประชาชน และระบอบประชาธิปไตย” มากกว่า
ยิ่งข่าวลือที่บอกว่าจะให้พรรคภูมิใจไทย มาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ เป็นตัวหลักในการร่วมรัฐบาล จากนั้นพรรคเพื่อไทยจึงตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลในเวลาต่อมา โดยอ้างว่าจำใจร่วมรัฐบาล เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อ
“ข่าวลือนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะนอกจากจะโดนประชาชนต่อว่าอย่างหนัก ไม่ต่างจากกรณีที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ แล้วดึงเอาพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐมาร่วมรัฐบาลแล้ว กรณีนี้พรรคเพื่อไทย ตำแหน่งนายกฯ ก็จะไม่ได้ กระทรวงสำคัญเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ อย่างกระทรวงคมนาคม ก็อาจจะไม่ได้อีกด้วย”
3. ข่าวลือที่ว่า ในการโหวตนายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ จะมีการสลายขั้ว 8 พรรค แล้วขอให้โหวตนายกฯ แบบอิสระไปก่อน โดยที่ยังไม่รู้ว่าพรรคไหนจะได้ร่วมรัฐบาลบ้าง หลังจากที่ได้นายกฯ แล้ว จะให้นายกฯ ไปพูดคุยเพื่อคัดเลือกพรรคที่จะมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกันอีกที
“ข่าวลือนี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ตราบใดก็ตาม ที่ไม่มีความชัดเจนว่าพรรคใดจะจับมือกับพรรคใดในการจัดตั้งรัฐบาล เป็นไปไม่ได้เลยที่แต่ละพรรคจะยกมือให้…สรุป คือ ผมไม่ได้สนใจข่าวลืออะไรเลยครับ และเชื่อว่าข่าวที่ลือๆ กัน ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย และยังคงเชื่อใจ และไว้ใจในภาคี 8 พรรคร่วม อย่างไม่ลังเลใจ”
นายวิโรจน์ ระบุว่า เมื่อตัดสินใจทำงานเป็นทีมเดียวกันกับใครแล้ว จะเชื่อใจทีมอย่างไม่หวั่นไหว ต่อให้สุดท้ายจะถูกหลอก ถูกหักหลัง ถูกมองว่าโง่ และถูกแย่งชิง หลอกลวง เอาทุกสิ่งทุกอย่างไป ก็จะไม่นึกเสียใจ เพราะสิ่งที่จะแย่งชิงไปไม่ได้เลยก็คือ ความซื่อตรง และเกียรติภูมิ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ต่อให้สุดท้ายภารกิจต้องล้มเหลว เพราะถูกทรยศหักหลังจริงๆ ก็ยังดีกว่าการที่มันล้มเหลว เพราะความระแวง และความไม่เชื่อใจระหว่างกันภายในทีม
พร้อมยอมรับว่า การทำงานร่วมกันเป็นทีม ต้องมีประเด็นที่เห็นต่าง และอาจจะกระทบกระทั่งกันบ้างอยู่แล้วเป็นปกติ และที่ผ่านมาก็พยายามที่จะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ภาคี 8 พรรคร่วมเดินหน้าสานความหวังของประชาชนต่อไปอย่างมั่นคง
“ผมยังคงเชื่อใจ และเชื่อมั่นในภาคี 8 พรรคร่วมอยู่เสมอ จับมือกันให้แน่น ด้วยแรงหนุนจากประชาชนอย่างน้อย 26 ล้านเสียง และความชอบธรรมตามระบบรัฐสภา ยิ่งเวลาเดินหน้าสู่วันที่ 11 พ.ค. 2567 พวกเรายิ่งเข้าใกล้เส้นชัยไปอยู่ทุกวัน ในขณะที่ฝ่ายที่ขัดขวางเสียงของประชาชน มีแต่จะนับถอยหลังสู่วันสูญสิ้นอำนาจ ถ้าพวกเรากลมเกลียวกัน มุ่งมั่นอย่างไม่ย่อท้อ ผมเชื่อว่ารัฐบาลแห่งความหวังของประชาชน จะจัดตั้งได้สำเร็จได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” นายวิโรจน์ ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 66)
Tags: ก้าวไกล, จัดตั้งรัฐบาล, พรรคก้าวไกล, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร, เพื่อไทย