นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวขึ้นในกรอบจำกัด หลัง IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 66 หนุนราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น และเป็นแรงหนุนหุ้นพลังงานผลักดันดัชนี แต่ยังรอติดตามการประชุมเฟดในคืนนี้ ประกอบกับปัจจัยการเมืองในประเทศยังไม่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนยังชะลอการลงทุน พร้อมให้แนวต้าน 1,535 จุด แนวรับ 1,520 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวขึ้น รับปัจจัยหนุนหลัง IMF ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 66 ขึ้นเป็น 2% และส่งผลต่อราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เป็นแรงหนุนต่อหุ้นพลังงาน ซึ่งช่วยหนุนดัชนีได้
ขณะเดียวกันมองว่าการแกว่งตัวขึ้นจะเป็นการแกว่งตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนอาจจะชะลอการลงทุนเพื่อรอติดตามการประชุมธนาคารกสางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนื้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณต่อทิศทางดอกเบี้ยอย่างไร รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศทื่ยังไม่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุน ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเปิดมาเช้านี้บวกและลบสลับกัน
โดยให้แนวต้าน 1,535 จุด แนวรับ 1,520 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (25 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,438.07 จุด เพิ่มขึ้น 26.83 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,567.46 จุด เพิ่มขึ้น 12.82 จุด หรือ +0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,144.56 จุด เพิ่มขึ้น 85.69 จุด หรือ +0.61%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,340.77 จุด ลดลง 93.63 จุด หรือ -0.48% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,228.09 จุด ลดลง 3.43 จุด หรือ -0.11% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 32,704.96 จุด เพิ่มขึ้น 22.45 จุด หรือ +0.07% แต่หลังจากเปิดตลาด 15 นาที ดัชนีนิกเกอิปรับตัวลง 171.93 จุด หรือ -0.53% สู่ระดับ 32,510.58 จุด
– ตลาดหุ้นไทยปิด(25 ก.ค.66) 1,526.30 จุด เพิ่มขึ้น 2.49 จุด (+0.16%) มูลค่าซื้อขาย 42,460.61 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 356.44 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ก.ค.66
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.(25 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 79.63 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2566
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ก.ค.) อยู่ที่ 7.60 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.46 แข็งค่า ตลาดจับตาตัวเลขส่งออกไทย-ผลประชุมเฟดคืนนี้
– เปิดเกมยื้อโหวตนายกฯ จับตาสัญญาณฉีกเอ็มโอยู ดัน “สูตรใหม่” สลายพรรคดึงเสียงโหวตแคนดิเดตเพื่อไทย แลกส่งคนร่วมโควตารัฐมนตรี ด้านเลขาธิการ สศช.-กฤษฎีกา-ครม.ประสานเสียงตั้งรัฐบาลช้า ทำประเทศชะงัก กระทบงบประมาณ 3 ปี “เอกชน” รุมค้านข้อเสนอรัฐบาลรักษาการ 10 เดือน ทำประเทศเสียหาย ฉุดกระทบเศรษฐกิจ กระทบภาคธุรกิจ
– มติศาลปกครองกลาง ยกฟ้องกรณี BTSC ยื่นฟ้องเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลสายสีส้มไม่ชอบ ชี้คณะกรรมการ ม.36 และ รฟม. ดำเนินการประมูล และทำการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ หลักเกณฑ์การคัดเลือกครั้งที่ 2 ชอบด้วยกฎหมายแล้ว คาดเอกชนยื่นอุทธรณ์สู้ต่อ
– สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ปรับประมาณการการผลิตรถยนต์ปี 2566 ใหม่ลดลง 50,000 คัน จากเป้าผลิตรถยนต์เดิม 1,950,000 คัน เหลือ 1,900,000 คัน โดยเป็นการปรับเป้าเฉพาะการผลิตเพื่อขายในประเทศลงเหลือ 850,000 คัน จาก 900,000 คัน ขณะที่คงประมาณการการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไว้ตามเดิมที่ 1,050,000 คัน ส่วนภาพรวมการผลิตรถยนต์ 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.2566) มีจำนวนทั้งสิ้น 921,512 คัน
*หุ้นเด่นวันนี้
– NSL (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/66 มีลุ้นทำ New High ที่ 82 ลบ. +9% q-q, +2% y-y หนุนจากรายได้ที่คาดเติบโตดีตาม SSSG ของ 7-11 จาก High Season และมีการออกสินค้าใหม่เข้าขายใน 7-11 รวมถึงรับรู้รายได้จาก Bake a Wish เต็มไตรมาส รวมถึงปรับเพิ่มราคาขายสินค้าหลัก 7% ช่วยชดเชยต้นทุนชีสที่เพิ่มได้และทำให้ Gross Margin ยังทรงตัวสูง ความกังวลราคาข้าวสาลีปรับขึ้นเรามองกระทบจำกัดต่อ NSL เนื่องจากไม่ได้เป็นสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบที่มาก ขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับลงจะส่งผลบวกต่อต้นทุนมากกว่า คงประมาณการกำไรทั้งปี 2566 ที่ 343 ลบ. +15% y-y
– PLANB (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.40 บาท ปี 66 ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาของอุตสาหกรรมสื่อจะเติบโตราว 7% (ที่มา Neilsen และ MAAT) ในส่วนของสื่อนอกบ้านคาดเติบโต +25%YoY / Transit +10%YoY อย่างไรก็ตามเม็ดงบโฆษณาจริงช่วง 5M66 ติดลบ -1.9%YoY โดยมีแค่สื่อ OHM ที่เติบโต +27.1%YoY ดีกว่าอุตสาหกรรม ซึ่งเฉพาะเดือน พ.ค.66 ยังโตเด่น +30%YoY เนื่องจากเป็นช่วงการเลือกตั้งทำให้ภาพรวมการใช้สื่อมีมากขึ้น ส่งผลให้กำไรในไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มเติบโตดีทั้ง QoQ, YoY ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของสื่อสนามบิน และ Engagement Marketing ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับไทยลีกถ้าหายไปไม่ได้กระทบมากติดเป็นรายได้ประมาณ 60-70 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากธุรกิจสื่อหลักและต้นทุนที่ลดลงน่าจะชดเชยได้
– SAPPE (กรุงศรี) “ซื้อ” 110 บาท ปลอดภัยจากจากความเสี่ยงในประเทศเนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกคิดเป็น 80% ของรายได้รวม สภาพอากาศที่ร้อนจัดในยุโรปหนุนยอดขายและกำไรทำ all time high
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ค. 66)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย