นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า กรณีที่พรรคจะมีการนัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 2 เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ในวันที่ 23 ก.ค.นั้น เนื่องจากมีเหตุจำเป็นจะต้องเลื่อนออกไปก่อน ทำให้ กก.บห.ชุดรักษาการได้นัดประชุมด่วนในวันนี้เพื่อกำหนดเรื่องวัน เวลา และสถานที่สำหรับการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 2 อีกครั้ง
สาเหตุที่ต้องเลื่อนการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 2 ออกไปเนื่องจากการประชุมกรรมการบริหารพรรค ครั้งที่ผ่านมาได้กำหนดสมาชิกเพื่อให้เป็นองค์ประชุมใหญ่เพิ่มเติม 5 ส่วน ประกอบด้วยทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร โดยจะมีการเพิ่มสัดส่วนภาคละ 25 คน
ดังนั้นเมื่อมีการกำหนดองค์ประชุมเพิ่มเติมก็จะต้องมีการออกระเบียบ ซึ่งในการประชุมกรรมการบริหารพรรคในวันนี้ จะได้มีการพิจารณาระเบียบการแต่งตั้งตัวแทนสมาชิกเพื่อเป็นองค์ประชุมใหญ่ต่อไป และเมื่อมีการกำหนดสมาชิกที่เป็นองค์ประชุมใหม่ขึ้นก็จะต้องมีการทำหนังสือแจ้งให้สมาชิกพรรคที่เป็นองค์ประชุมได้รับทราบไม่น้อยกว่า 5 วัน ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรค และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ส่วนการจะจัดให้มีประชุมใหญ่วิสามัญในวันใดนั้น เมื่อการประชุมกรรมการบริหารพรรค เสร็จสิ้นแล้ว ตนจะได้แจ้งมติจากที่ประชุมให้ทราบอีกครั้ง
นายราเมศ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็น กกต.ของพรรค และเป็นฝ่ายกฎหมาย ขั้นตอนกระบวนการดังกล่าวมีความตรงไปตรงมา และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ หากจะมีการเสนอเปลี่ยนแปลงกันอย่างไรก็เชื่อว่าวันนี้จะได้มีการพูดคุยกัน
นายราเมศ ยังได้ปฏิเสธกรณีมีรายงานข่าวระบุว่า มี 16 ส.ส.ภาคใต้ ปันใจให้ภูมิใจไทยว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และ 16 ส.ส. ภาคใต้นั้นอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ กติกา และข้อบังคับพรรค ไม่ว่าจะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองไปในทิศทางใด ก็จะต้องมีการประชุมหารือ เพื่อให้เกิดเป็นมติพรรค สำหรับนำพาพรรคก้าวไปข้างหน้า ฉะนั้นการร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ก็เป็นหลักการที่พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการมาตลอด
“พรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกรณีของการร่วม หรือไม่ร่วมรัฐบาล ขณะนี้อยู่ในกระบวนการที่สำคัญคือการเลือกนายกรัฐมนตรี สิ่งที่ผมย้ำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็คือ ไม่ใช่ว่าใครจะตัดสินใจได้คนเดียว ในเรื่องการร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล อำนาจในการพิจารณาจะต้องเป็นการประชุมร่วมกันระหว่าง กก.บห. และ สส.ชุดปัจจุบัน 25 ท่าน แล้วมีมติว่าจะร่วม หรือไม่ร่วมรัฐบาล นี่คือหลักการของพรรค ไม่มีใครคนใดคนหนึ่ง คนเดียว หรือสองคน จะไปพิจารณาทำอะไรกันลับๆ แล้วไปตกลงว่าจะร่วม หรือไม่ร่วมรัฐบาล แต่จะต้องผ่านที่ประชุมตามข้อบังคับพรรค ผมไม่อยากให้มีการรายงานข่าวลักษณะนี้ เพราะพรรคจะเกิดความเสียหาย ประชาชนจะเกิดความสับสน” นายราเมศ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ค. 66)
Tags: การเมือง, พรรคการเมือง, พรรคประชาธิปัตย์, ราเมศ รัตนะเชวง